วันเสาร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Merry x' mas


ประวัติวันคริสต์มาส

คำว่า "คริสต์มาส" เป็นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษว่า Christmas มาจากคำภาษาอังกฤษโบราณว่า Christes Maesse ที่แปลว่า "บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า" ซึ่งพบครั้งแรกในเอกสารโบราณที่เป็นภาษาอังกฤษในปี ค.ศ. 1038 และในปัจจุบันคำนี้ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas
เทศกาล Christmas หรือ X’Mas ตรงกับวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งวันที่ 25 ธันวาคมนั้นเป็นวันประสูติของพระเยซู ศาสดาแห่งศาสนาคริสต์ โดยพระองค์ประสูติที่เมืองเบ็ธเลเฮ็มและเติบโตที่เมืองนาซาเรท ซึ่งปัจจุบันคือประเทศอิสราเอล ตามหลักฐานในพระคัมภีร์ได้บันทึกไว้ว่า พระเยซูเจ้าประสูติในสมัยที่จักรพรรดิซีซาร์ ออกุสตุส แห่งจักรวรรดิโรมัน ซึ่งทรงสั่งให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน โดยฝ่ายคีรีนิอัส เจ้าเมืองซีเรียก็รับนโยบายไปปฏิบัติให้มีการจดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งอาณาเขต แต่ในพระคัมภีร์ ไม่ได้ระบุว่า พระเยซูประสูติวันหรือเดือนอะไร
ด้านนักประวัติศาสตร์ก็มีความเห็นที่ต่างออกไปโดยได้วิเคราะห์ว่า เดิมทีวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันที่จักรพรรดิเอาเรเลียนแห่งโรมัน กำหนดให้เป็นวันฉลองวันเกิดของสุริยะเทพ ตั้งแต่ปี ค.ศ.274 ชาวโรมันซึ่งส่วนใหญ่นับถือเทพเจ้าฉลองวันนี้เสมือนว่า เป็นวันฉลองของพระจักรพรรดิไปในตัวด้วย เพราะจักรพรรดิก็เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ ที่ให้ความสว่างแก่ชีวิตมนุษย์ แต่ชาวคริสต์ที่อยู่ในจักรวรรดิโรมัน รวมถึงชาวโรมันที่เปลี่ยนไปนับถือคริสต์อึดอัดใจที่จะฉลองวันเกิดของสุริยเทพ จึงหันมาฉลองการบังเกิดของพระเยซูซึ่งเปรียบเสมือนความสว่างของโลก และเหมือนดวงจันทร์เป็นความสว่างในตอนกลางคืนแทน หลังจากที่ชาวคริสต์ถูกควบคุมเสรีภาพทางศาสนาตั้งแต่ปี ค.ศ. 64-313 จนถึงวันที่ 25 ธันวาคม ปี ค.ศ.330 ชาวคริสต์จึงเริ่มฉลองคริสต์มาสอย่างเป็นทางการและเปิดเผย เทศกาลคริสต์มาสจึงเป็นวันแห่งการเฉลิมฉลองวันประสูติของพระเยซู และเป็นการฉลองความรักที่พระเจ้ามีต่อมนุษย์โลก โดยส่งบุตรชาย คือ "พระเยซู" ลงมาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อช่วยไถ่บาป และช่วยให้มนุษย์รอดพ้นจากการทำชั่วนั่นเอง ดังนั้นในวันนี้ถือเป็นวันที่มีความหมายสำคัญชาวคริสต์ทั่วโลก และมีการส่งบัตรอวยพร ให้ของขวัญ แก่กันและกัน รวมทั้งประดับประดาตกแต่งบ้านเรือนด้วยแสงไฟ และต้นคริสต์มาสอย่างสวยงาม

ซานตาครอส
เป็นสิ่งแรกๆ ที่คนจะนึกถึงในฐานะสัญลักษณ์ของวันคริสต์มาส ซึ่งว่ากันว่าซานตาคลอสคนแรก คือ นักบุญ (เซนต์) นิโคลัส ผู้เป็นสังฆราชแห่งเมืองไมรา มีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่ 4 และเหตุที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นซานตาครอสคนแรก มาจากวันหนึ่งที่ท่านปีนขึ้นไปบนหลังคาบ้านของเด็กหญิงยากจนคนหนึ่ง แล้วทิ้งถุงเงินลงไปทางปล่องไฟ บังเอิญถุงเงินหล่นไปทางถุงเท้าที่เด็กหญิงแขวนตากไว้ข้างเตาผิงพอดี
นักบุญนิโคลัส นั้นเป็นนักบุญที่ชาวฮอลแลนด์นับถือว่าเป็นนักบุญผู้อุปถัมภ์ของเด็กๆ เมื่อชาวฮอลแลนด์กลุ่มหนึ่งอพยพไปอยู่ในสหรัฐฯ ก็ยังรักษาประเพณีการฉลองนักบุญ นิโคลาส ในวันที่ 5 ธันวาคม เอาไว้ ซึ่งหมายถึงนักบุญนี้จะมาเยี่ยมเด็กๆ และเอาของขวัญมาให้เด็กอื่นๆ ที่ไม่ใช่ลูกหลานของชาวฮอลแลนด์ที่อพยพมา ประเพณีนี้จึงเริ่มเป็นที่รู้จักและแพร่หลายในอเมริกา โดยมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง คือ ชื่อนักบุญนิโคลัสก็เปลี่ยนเป็น ซานตาคลอส และแทนที่จะเป็นสังฆราชก็กลายเป็นชายแก่ที่อ้วนและใส่ชุดสีแดง อาศัยอยู่ที่ขั้วโลกเหนือ มีเลื่อนเป็นยานพาหนะที่มีกวางเรนเดียร์ลาก และจะมาเยี่ยมเด็กทุกคนในโลกนี้ในโอกาสคริสต์มาส โดยลงมาทางปล่องไฟของบ้านเพื่อเอาของขวัญมาให้เด็กเหล่านั้นตามความประพฤติของเขา
ถึงแม้ซานตาคลอสจะเป็นเพียงตำนานที่เกิดขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสก็ตาม แต่ก็เป็นสัญลักษณ์ที่รวมเอาวิญญาณและความหมายของคริสต์มาสไว้อย่างมากมาย อาทิ ความปิติยินดีชื่นชม ความโอบอ้อมอารี ความรัก และความเป็นกันเอง

วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553

พาเหรดรวมพลซานต้ามากที่สุดในโลก


เข้าใกล้เทศกาลคริสต์มาสเข้ามาทุกที ในปีนี้หลายประเทศจัดงานรวมพลซานต้าคลอสกันอย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นขบวนบุรุษไปรษณีย์ซานต้าของเกาหลี หรือ แต่งตัวซานต้าวิ่งการกุศลก็ดี แต่ไม่ว่าจะงานไหน ๆ ก็คงสู้งานซานต้าคลอสที่เราเอาบรรยากาศมาฝากกันวันนี้ไม่ได้แน่นอน เพราะเป็นการรวมพลซานต้าคลอสถึงเกือบ 15,000 ชีวิตเลยทีเดียว และภาพที่เห็นนี้ก็คือ งานเดินขบวนพาเหรดซานต้าที่จัดขึ้นที่ตอนเหนือของประเทศโปรตุเกส ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อทำลายสถิติโลกโดยเฉพาะ และมันก็สำเร็จเป็นที่เรียบร้อย เพราะมีชาวโปรตุเกสแห่กันมาหยิบเอาชุดซานต้าที่ผู้จัดงานเตรียมไว้กันทั้งสิ้น 14,963 คน แต่ก็ยังน้อยกว่าที่คาดไว้ เพราะงานนี้มีการเตรียมชุดซานต้าไว้ถึง 19,000 ชุดเลยทีเดียว
ทั้งนี้ งานรวมพลซานต้าของโปรตุเกสนั้น คึกคักและสนุกสนานไม่ต่างกับปีก่อน ที่มีผู้เข้าร่วมงานกันคับคั่ง ต่างแค่เพียงปีที่แล้ว เป็นขบวนพาเหรดซานต้าตัวน้อย ส่วนปีนี้เป็นซานต้าทุกเพศทุกวัยกันเลย

กินอาหารหน้าคอม ระวังอ้วนฉุ!

ใครที่ชอบทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ไป เล่นเกมไป กินอาหารไป ระวังจะอ้วนไม่รู้ตัวนะ
คณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยบริสตอล ประเทศอังกฤษ เปิดเผยผลการวิจัยที่ค้นพบว่า การรับประทานอาหารขณะเล่นเกม หรือทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ จะทำให้เรามีแนวโน้มรับประทานอาหารได้มากขึ้น และทำให้อ้วนได้อย่างไม่รู้ตัว
โดยรายงานระบุว่า การวิจัยได้แบ่งการทดลองออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกให้ผู้เข้าร่วมการทดลองเล่นเกมไพ่บนคอมพิวเตอร์ พร้อม ๆ กับทานอาหารกลางวันที่มีเมนูอาหาร 9 อย่าง ขณะที่ผู้เข้าร่วมการทดลองกลุ่มที่ 2 ให้ทานอาหารกลางวันประเภทเดียวกัน แต่ให้ทานอย่างเดียว ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นควบคู่ไปด้วย ผลการทดลองปรากฎว่า กลุ่มที่ทานอาหารไปด้วย เล่นเกมไปด้วย จะไม่ค่อยรู้สึกอิ่มแม้ทานอาหารกลางวันแล้ว โดยพวกเขายังสามารถทานช็อกโกแลต บิสกิต ขนมต่าง ๆ ได้อีก ต่างกับกลุ่มที่ไม่ได้เล่นเกมหน้าคอมพิวเตอร์
นอกจากนี้กลุ่มที่เล่นเกมไปด้วย กินไปด้วย ยังจำไม่ค่อยได้ว่า พวกเขากินอะไรเข้าไปบ้าง ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ให้เหตุผลว่า ที่เป็นเช่นนี้เพราะพวกเขาไม่มีสมาธิในการกิน จึงทำให้คนกลุ่มนี้สามารถทานอาหารได้เพิ่มมากขึ้น ในแต่ละมื้อของแต่ละวัน แน่นอนว่า โรคอ้วนย่อมถามหาได้ง่าย ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ก็เคยมีผลการวิจัยที่ค้นพบว่า การรับประทานอาหารขณะดูทีวี ก็ได้ผลลัพธ์เช่นเดียวกับการนั่งทานอาหารหน้าคอมพิวเตอร์ คือ คนจะทานอาหารได้มากขึ้น และมีแนวโน้มจะอ้วนได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
รู้อย่างนี้แล้ว เลิกพฤติกรรมทานอาหารไป เล่นเกมไป ทำงานไป จะดีกว่านะคะ ก่อนพุงน้อย ๆ ที่ไม่พึงประสงค์จะถามหา

วันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ทำไมบนดินสอถึงมียางลบ??

ดินสอที่มียางลบติดอยู่ในแท่งด้วยอย่างนี้ มีที่มากว่าร้อยปีแล้วค่ะ!!!
เรื่องก็เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของ ไฮเมน ลิปแมน (Hymen Lipman) ชาวเมืองฟิลาเดเฟีย ประเทศสหรัฐอเมริกาค่ะ ไฮเมนเป็นคนฐานะยากจน เลี้ยงชีพด้วยการวาดภาพเหมือนคน แล้วก็ชอบทำยางลบหายบ่อยๆ ทำให้เสียเวลาต้องมานั่งหา หรือไปซื้อมาใหม่ วันหนึ่งไฮเมนก็นั่งเอาดินสอมาจิ้มยางลบฉับพลันเห็นภาพยางลบที่ติดอยู่กับปลายดินสอก็ปิ๊งไอเดีย เอายางลบมาพันติดกับปลายด้านหนึ่งของดินสอ กลายเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ได้รับการจดสิทธิบัตรเมื่อปี ค.ศ.1867 แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายค่ะว่า สิทธิบัตรดังกล่าวได้ถูกยกเลิกไปโดยศาลฎีกาสหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ.1875 เพราะถือว่า ดินสอกับยางลบ ก็ยังเป็นดินสอกับยางลบ ไม่ได้ถือเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ทำหน้าที่ใหม่ต่างจากเดิม ถึงจะโดนยกเลิกไป แต่ไฮเมนก็กลายเป็นเศรษฐีอยู่เหมือนกันนะคะตอนคิดได้ ถึงแม้จะมาโดนยกเลิกสิทธิบัตรในหลายปีต่อมา แต่พี่แนนว่า นั่นก็เป็นความสร้างสรรค์อย่างหนึ่ง จากสิ่งที่เราไม่ได้คิดถึง หรือสิ่งใกล้ตัว เพราะไฮเมนแค่ใช้ดินสอจิ้มยางลบ ก็คิดได้แล้วว่า มันน่าจะอยู่ติดกันซะเลย จะได้สะดวก ไม่ต้องกลัวหายอีก เรื่องปิ๊งแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆนะคะ

เตือน! วางโน้ตบุ๊กบนตักเสี่ยงมะเร็ง

ปัจจุบัน แล็ปท็อป หรือ โน้ตบุ๊ก กลายเป็นอุปกรณ์สุดไฮเทค ที่จำเป็นสำหรับวัยรุ่นหรือหนุ่มสาววัยทำงานหลายคนไปซะแล้ว นับตั้งแต่คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทกับเรา ๆ ไปซะทุกด้าน และโน้ตบุ๊กก็ดูเหมือนจะเป็นคอมพิวเตอร์ที่แสนฮิตฮอตซะเหลือเกิน เพราะมันสามารถพกพาไปไหนได้สบาย และด้วยความสะดวกสบาย พกพาง่ายของมันนี่แหละ ทำให้เจ้าโน้ตบุ๊กสามารถเล่นได้ทุกที่ทุกเวลา แม้จะไม่มีโต๊ะให้วาง ก็วางบนตักของตัวเองได้อย่างง่าย ๆ พอ ๆ กับที่มันก็ทำให้เกิดอาการปวดแสบปวดร้อนขึ้นมาได้อย่างง่าย ๆ อีกเช่นกัน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าการเล่นโน้ตบุ๊กบนตักนั้น ทำให้คนเจ็บป่วยกับมันได้จริง ๆ เหมือนกับกรณีของเด็กชายวัย 12 ปีชาวอเมริกัน ที่ติดนิสัยชอบเล่นโน้ตบุ๊กไว้บนตัก แล้วอยู่กับมันวันละ 2-3 ชั่วโมง ปรากฏว่า 2 เดือนให้หลัง ผิวของเด็กก็ไหม้และด่างโดยไม่รู้ตัวเลยทีเดียว นอกจากนี้ ยังมีผู้ใช้โน้ตบุ๊กอีกกว่า 10 ราย รายงานเข้ามาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2007 ว่าความร้อนจากโน้ตบุ๊ก ทำให้ผิวไหม้และทำให้ผิวด่างเช่นเดียวกันกับกรณีดังกล่าว ขณะที่ทางทีมแพทย์เชื่อว่า คงจะมีผู้ที่ได้รับอันตรายจากความร้อนใต้โน้ตบุ๊กมากกว่านั้นอย่างแน่นอน
งานนี้ บรรดาแพทย์ชาวอเมริกันก็เลยออกมาเตือนว่า ความร้อนที่ระบายออกมาบริเวณใต้โน๊ตบุ๊คนั้น ทำให้ผิวไหม้และหากติดนิสัยเล่นโน้ตบุ๊กบนตักนาน ๆ ก็จะทำให้เป็นมะเร็งบริเวณหัวเข่าหรือต้นขาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้ ที่หลายคนชอบเอาโน้ตบุ๊กวางบนตักซะเหลือเกิน เพราะมันทำให้รู้สึกอุ่นขึ้นได้ โดยไม่คำนึงถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น แพทย์จึงแนะนำให้ผู้ที่ชอบวางโน้ตบุ๊กไว้บนตัก เปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองเสียตั้งแต่บัดนี้ ขณะที่ทางด้านบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์อย่างแอปเปิ้ล และเดลล์ ก็เคยเตือนผู้ใช้ว่าอย่าวางโน้ตบุ๊กไว้บนตักเช่นกัน ทั้งนี้ ก็เพียงแค่อยากให้ผู้ใช้ได้ตระหนักถึงอันตรายระยะยาว ซึ่งอาจจะทำให้เกิดมะเร็งได้ในอนาคต

วันพฤหัสบดีที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ทายนิสัยจากไข่ที่ชอบทาน

ไข่ดาว ถ้าคุณชอบทำไข่ดาวมาก แสดงว่าคุณเป็นคนที่ชอบความท้าทายและเป็นคนที่มีความพยายามเป็นอย่างยิ่ง คุณนั้นเป็นคนที่กระตือรือร้นและไขว่คว้าหาโอกาสให้กับตัวเอง คุณจะไม่รอให้โอกาสต่างๆ เข้ามาหาคุณ คุณจะพุ่งเข้าใส่มันเอง


ไข่เจียว คุณเป็นคนที่มีความยุติธรรม เป็นนักวางแผน และนักคิดคุณมักคิดและทำอะไรอย่างเป็นระบบ คุณมีความเชื่อมั่นในการตัดสินใจของตัวเอง และคุณก็มักคิดว่า คนอื่นมักคิดเช่นเดียวกับคุณ


ไข่ต้ม คุณเป็นคนที่มีความอดทน หากคุณทำงานอะไรสักชิ้นหนึ่ง คุณก็จะทำให้มันเสร็จไปเลย ไม่ชอบที่จะค้างมันไว้ เพราะคุณจะหงุดหงิดกับมันมากหากคุณทำไม่สำเร็จ คุณมักจะใช้เหตุผลในการตัดสินใจทำอะไรสักอย่างอยู่เสมอ

ไข่ลวก แสดงว่า คุณเป็นคนที่ไม่ค่อยจะเรื่องมาก ใครๆ ที่อยู่ใกล้ก็มักสบายใจ เพราะคุณไม่มีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มายุ่งให้รำคาญใจ คุณเป็นคนรักความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยแต่จะว่าไปแล้วคุณเเอง เป็นคนที่ค่อนข้างจะใจร้อนอยู่สักหน่อย



ไข่ยัดไส้ คุณเป็นคนที่มีการเตรียมพร้อม ชอบท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆแต่ในขณะเดียวกันต้องไม่เป็นที่ๆ ไม่ทำให้ลำบากเพราะคุณมักจะไม่ค่อยมีความอดทนกับเรื่องพวกนี้ แม้กระทั่งการทำงานก็เช่นกัน หากต้องทุ่มเทกับมันมากๆ คุณก็จะรับมันไม่ค่อยได้


ไข่ดิบ หากคุณจะเลือกทางเดินชีวิต คุณจะไม่สนใจคนอื่นๆ ว่าเขาเลือกกันอย่างไร คุณจะมีทางเดินของคุณโดยไม่แคร์สายตาคนรอบข้าง และคุณก็ไม่ชอบที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับคนอื่นด้วย

9 นิสัยที่ทำให้อ้วน


1. กินข้าวเร็ว จอมเขมือบตัวจริง กินเร็วมาก แทบจะไม่เสียเวลาเคี้ยว กินแล้วกลืน คนอื่นยังกินอยู่ เราก็เรียบร้อยแล้วจานแรก ทำไงละคราวนี้ ก็ไปเบิ้ลจานสองสิ เขาว่ากินข้าวเร็ว กระเพาะยังไม่ทันรับรู้ถึงความรู้สึกอิ่มเลย ดังนั้นค่อยๆ กิน ไม่ได้จะรีบไปไหน จะให้ดี ก็ทานน้ำเยอะหน่อย จะได้อิ่มไวๆ
2. ดูโทรทัศน์ไป กินไป เป็นสาเหตุใหญ่อีก เวลาดูกีฬา ถ้าจะให้สนุกต้องน้ำอัดลมกับขนมกรุบกรอบถึงจะเชียร์กีฬาสนุก แล้วเจ้า 2 ตัวนี้ ต่างก็แคลอรีสูงทั้งคู่เลย ปาเข้าไปไม่ต่ำกว่า 500 แคลอรี นี้เฉพาะอาหารว่างนะ แล้วที่กินเป็นอาหารหลักละ ไปแล้วเท่าไร ไม่อ้วนให้มันรู้ไป ของพวกนี้ เรียกว่า กินแล้วไม่ค่อยคำนึง เพราะกินไปเรื่อยๆมาเรียงๆ หมด ก็ไปเอามากินอีก ลองเปลี่ยนใหม่ได้ไหมว่า เชียร์กีฬาไป กินผลไม้ไป เป็นการเชียร์กีฬาเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง อ้อ ส่วนเครื่องดื่ม น้ำเปล่าดีสุด
3. เสียดายของ ได้รับการสั่งสอนมาตั้งแต่เด็กว่า กินข้าวจะต้องกินให้หมดจาน อย่าเหลือทิ้งไว้ สงสารชาวนาที่ปลูกข้าว เต็มไปด้วยความยากลำบากกว่าจะได้ข้าวมาเม็ดหนึ่ง พอเรากิน แม้จะอิ่มแล้วแต่ก็ต้องกินให้หมด เฮ้อ บางทีนะ ลดความสงสารชาวนาลงหน่อย สงสารตัวเรามากขึ้น และทางที่ดี ตักข้าวแต่พอดี หรือไม่ก็บอกที่ร้านว่าข้าวไม่ต้องเยอะ แล้วก็ไม่ต้องใจดีไปช่วยคนอื่นรับผิดชอบส่วนที่กินเหลือหรอกนะ
4. เครียดแล้วกิน อันนี้เป็นโรคจิตแบบหนึ่งเลยนะ ประเภทประมาณว่าประชด เครียด ก็เอาอาหารเป็นที่ระบาย กินเอากินเอา อย่างอกหัก แทนที่จะกินข้าวไม่ลง ไม่เลย บอกตัวเองว่า กินเข้าไป กินเข้าไป กินมันให้ท้องแตกตายไปเลย สุดท้ายไม่ตาย แต่มานั่งกลุ้มใจกับน้ำหนักที่เพิ่มพูนขึ้น
5. ให้รางวัลโดยการกิน เป็นนิสัยหนึ่งที่ชอบนัก เวลาเราดีใจ หรือทำอะไรประสบความสำเร็จ ต้องมีการนัดฉลองกันหน่อย กินฉลองสอบได้ กินฉลองได้ลูกค้าใหม่ กินฉลองมีแฟนสวย กินฉลองวันเกิด กินฉลองวันเข้าพรรษา กินฉลองมันได้ทุกวัน ลองเปลี่ยนวิธีการให้รางวัลเป็นแบบของขวัญ หรือไปเที่ยว หรืออะไรก็ได้ที่ไม่ต้องมาโยงกับการกิน ดีไหม
6. กินอาหารคาว ต้องตามด้วยของหวาน ไม่รู้ทำไมต้องเป็นสูตรแบบนี้ เหมือนตอนอยู่โรงเรียน จำได้ว่า พอกินข้าวเที่ยงเสร็จ จะต้องตามด้วยของหวาน พวกกล้วยบวดชี บวดฟักทอง ถั่วดำ และอีกสารพัด กินแบบนี้มาอย่างต่อเนื่อง ลองเปลี่ยนของหวานเป็นผลไม้ดีกว่า แอปเปิ้ล ฝรั่ง แตงโม และอีกเยอะแยะ
7. กินบุปเฟ่ต์ต้องเอาให้คุ้ม กินเท่าไรก็ได้ อย่างนี้ต้องกินให้เยอะๆ เอาให้คุ้ม ตักพูนจาน กินจนหมด อิ่มแล้ว แต่ยังไม่คุ้ม ไปตักเอามากินอีก นี้ถ้าไม่เกรงใจ จะเอาใส่ถุงพลาสติกกลับบ้านอีกนะนี้นะ กินเข้าไป กินเข้าไป พอหันกลับมา เอ๊ะทำไมจานเนื้อจะท่วมมิดเราแล้วนะนี้ พอๆ เลิกนิสัยแบบนี้เถอะ ไม่ต้องเอาให้คุ้มนักหรอก สงสารร้านเขาบ้าง ไม่ใช่กินให้คุ้มแล้วแบบนี้ เป็นการกินให้ร้านเขาเจ๊งมากกว่า
8. ยอมแพ้อะไรง่ายๆ คือ หลายครั้งที่เข้าโปรแกรมลดน้ำหนัก พอมันไม่ค่อยลด ก็ท้อใจ หันกลับไปกินมากเหมือนเดิม แถมยังยอมรับอย่างน่าสลดว่า ความอ้วนยังไงก็ต้องอยู่ติดตัวคู่กับเราไปทั้งชีวิตแน่ๆ อย่าไปเชื่อยังงั้นสิ สู้ๆ เข้าไป สู้เข้าไป มันลดได้สิ ยอมแพ้วันนี้ก็ต้องแพ้มันไปตลอดกาล แต่หากสู้ เราก็ยังมีหวังเอาชนะได้
9. ออกกำลังกายแล้วกินเยอะขึ้น เป็นกันหลายคนจริงไหม คิดแต่ว่า เวลาออกกำลังกาย เราก็ใช้พลังงานไปเยอะแล้วนะ ให้รางวัลหน่อย กินเยอะขึ้นกว่าเดิม อ้วน ที่ออกไปคืนมาหมด เรียกว่าเป็นพวกออกสลึง กินบาท น่าเสียดายจริงๆ หลายคนคิดว่า เอ๊ะ การออกกำลังกายทำให้กินเยอะขึ้นหรือเปล่า ตอบเลยว่า ไม่จริง ที่กินเยอะ เป็นเรื่องของจิตใจเรามากกว่า ยกตัวอย่าง หากออกกำลังกายโดยการวิ่ง 1 ชั่วโมง อย่างมากก็ประมาณ 600 แคลอรี จำนวนเท่านี้ หากกินขนมกรุบกรอบกับน้ำอัดลม มันก็เกิน 600 แคลอรีแล้วละ

วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2553

พบดาวดวงใหม่ ลักษณะคล้ายกับโลก

บรรดานักดาราศาสตร์ได้เผยการค้นพบดาวเคราะห์ดวงใหม่ ที่มีขนาดและลักษณะคล้ายกับโลกมากที่สุดเท่าที่เคยค้นพบมา และมีสภาพแวดล้อมเหมาะสมกับการอยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิต
โดยนักดาราศาสตร์ได้อธิบายเกี่ยวกับรายละเอียดของดาวดวงดังกล่าวว่า นักดาราศาสตร์ได้ค้นพบและจับตาดูการเคลื่อนไหวของดาวดวงหนึ่งชื่อ กลีส 581 จี (Gliese 581g) ที่โคจรรอบดาวฤกษ์สีแดงที่เรียกว่า กลีส 581 (Gliese 581) ที่อยู่ห่างจากโลกประมาณ 20 ปีแสง หรือ 190 ล้านล้านกิโลเมตร ซึ่งดาวกลีส 581 จี ดวงนี้อยู่ในอวกาศเขตโกลดิล็อกส์โซน (Goldilocks zone) ซึ่งเป็นเขตที่มีอุณหภูมิไม่ร้อนและไม่เย็นเกินไป คืออุณหภูมิในชั้นบรรยากาศอยู่ระหว่าง -31 ถึง -12 องศาเซลเซียส และด้วยความที่มันหมุนรอบตัวเองช้ามาก ทำให้พื้นผิวมันมีอุณหภูมิที่แตกต่างกัน คือประมาณ 70 องศาเซลเซียสสำหรับด้านที่หันเข้าหาดวงอาทิตย์ของมัน และประมาณ -4 องศาเซลเซียสสำหรับด้านที่หันออกจากดวงอาทิตย์ของมัน ซึ่งถือว่าเป็นอุณหภูมิที่ใกล้เคียงกับอุณหภูมิบนโลกมากที่สุด และสิ่งมีชีวิตสามารถอยู่ได้
สำหรับขนาดของมัน จะใหญ่กว่าโลกเล็กน้อย และอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าโลก โดย กลีส 581 จี อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ของมันเพียง 22.5 ล้านกิโลเมตรเท่านั้น ขณะที่โลกเราห่างดวงอาทิตย์ของเราถึง 150 ล้านกิโลเมตร ซึ่งนั่นส่งผลให้ กลีส 581 จี ใช้เวลาโคจรรอบดวงอาทิตย์เพียง 37 วันเท่านั้น ขณะที่โลกใช้เวลาโคจรรอบดวงอาทิตย์ถึง 1 ปี
ทั้งนี้ นักดาราศาสตร์ยังเปิดเผยอีกว่า นี่เป็นการค้นพบดาวดวงใหม่ที่แตกต่างจากทุก ๆ ครั้ง เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นักดาราศาสตร์ค้นพบดาวดวงใหม่มาแล้วมากกว่า 400 ดวง ซึ่งแต่ละดวงก็มีลักษณะเหมือนกับดาวพฤหัส คือเป็นดาวที่รวมตัวกันจากแก๊สขนาดยักษ์ ซึ่งสิ่งมีชีวิตอยู่ไม่ได้อย่างแน่นอน การค้นพบ กลีส 581 จี จึงถือว่าเป็นการค้นพบที่น่ายินดี เพราะมันมีลักษณะใกล้เคียงกับโลกมากเลยจริง ๆ

10 สัญญาณเตือนโลกร้อน

เรามาดูกันว่า โลกส่งสัญญาณอะไรบ้างเพื่อเตือนให้มนุษย์หันมารักษาโลกนี้ไว้ก่อนจะสายเกินไป นักวิทยาศาสตร์ได้สรุป 10 สัญญาณเตือนภัยที่เกิดจากภาวะโลกร้อนไว้ดังนี้
คลื่นความร้อน แต่ละปีคลื่นความร้อนคร่าชีวิตผู้คนไปจำนวนมาก ปีที่ผ่านมาชาวญี่ปุ่นเสียชีวิตด้วยคลื่นความร้อน 14 คน อินเดีย 100 กว่าคน ปากีสถาน 50 คน ฮังการีตายไปสูงสุด 500 กว่าคน และมีแนวโน้มว่าคลื่นความร้อนจะทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี
น้ำทะเลขึ้นสูง หลายประเทศกำลังเผชิญกับปัญหา และผลกระทบจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทยที่กำลังเผชิญกับปัญหาน้ำทะเลขึ้นสูง น้ำท่วม และน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่ง
น้ำแข็งยอดภูเขาสูงละลาย น้ำแข็งที่ปกคลุมยอดภูเขาสูงกำลังละลาย เช่น ที่ยอดเขาหิมาลัย ประเทศเนปาล และยอดเขาฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น
โรคระบาด เกิดโรคอุบัติใหม่และโรคอุบัติซ้ำ เช่น การแพร่ระบาดของโรคมาลาเรียในเขตหนาว อย่างกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ หรือญี่ปุ่น
ฤดูใบไม้ผลิมาถึงเร็วกว่ากำหนด ส่งผลกระทบต่อวงจรชีวิตสัตว์ป่าที่ต้องอาศัยช่วงฤดูใบไม้ผลิเพื่อการเจริญเติบโตปรับตัวไม่ทันและสูญพันธุ์ไปในที่สุด
พืชและสัตว์เคลื่อนตัวไปทางเหนือ เมื่อพื้นที่ที่เคยหนาวเย็นทางตอนเหนือเริ่มมีความอบอุ่นมากขึ้น จึงพบพืชและแมลงที่ไม่เคยอาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นมาก่อน เริ่มปรับตัวและมาอยู่อาศัยมากขึ้น
ปะการังฟอกขาว เกิดจากปรากฏการณ์ เอลนิญโญ่ - ลานิญญ่า แต่อีกปัจจัยหนึ่งเกิดจากกรดในน้ำทะเลที่เป็นผลมาจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์บนชั้นบรรยากาศที่มีมากขึ้น
น้ำท่วมและพายุหิมะ ทั่วโลกกำลังเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่รุนแรงในรูปแบบต่าง ๆ เช่น พายุเฮอร์ริเคน ฝนตกหนัก น้ำท่วม ดินถล่ม และพายุหิมะ
ภัยแล้งและไฟป่า สภาพอากาศโลกมีความชื้นน้อย ส่งผลให้เกิดความแห้งแล้ง ทำให้เกิดการแพร่ขยายของไฟป่าอย่างรวดเร็วและป้องกันได้ยาก
ในยุคนี้เราได้รับข้อมูลข่าวสารเรื่องภาวะโลกร้อนในลักษณะเช่นนี้มากขึ้น แต่มีคนจำนวนน้อยเหลือเกินที่หันมาเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อช่วยกันลดภาวะโลกร้อนอย่างจริงจัง อาจเพราะรู้สึกว่าทำไปก็ไม่มีผลอะไรเนื่องจากตัวการทำให้โลกร้อนที่แท้จริงคือภาคอุตสาหกรรม แต่จะรอภาคอุตสาหกรรมอย่างเดียวอาจไม่ทันการณ์ ทุกคนควรเริ่มเอาใจใส่เรื่องง่าย ๆ ใกล้ตัว เช่น แยกขยะ พยายามใช้ระบบขนส่งมวลชนให้มากขึ้น ใช้ไฟฟ้า น้ำประปาอย่างเห็นคุณค่า ฯลฯ ก็จะช่วยชะลอภาวะโลกร้อนได้ แม้จะไม่เห็นผลในเร็ววันหรือแม้กระทั่งในชั่วชีวิตของเรา แต่ทฤษฏี "เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว" นั้นยังใช้ได้อยู่เสมอ เพราะธรรมชาติมีผลกระทบกับชีวิตมนุษย์อย่างลึกซึ้ง และอนาคตของลูกหลานก็อยู่ในมือของคนในยุคนี้นี่เอง

วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ไข่มุกใหญ่ที่สุดในโลก

เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เว็บไซต์เดลิเมล์ของอังกฤษ รายงานว่า ไข่มุกขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 ฟุต น้ำหนัก 6 ตัน ที่ทำจากแร่ฟลูออโรต์ ได้ถูกนำมาแสดงในมณฑลไหหนาน ทางใต้ของประเทศจีน เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ที่ต้องการครอบครอง นำไปตั้งโชว์ที่บ้าน
โดยไข่มุกสีเขียวดังกล่าว เป็นแร่ฟลูออไรต์ที่มีสีเขียวและสีเขียวเข้ม ซึ่งเป็นความมหัศจรรย์อย่างหนึ่งของธรรมชาติ โดยเฉพาะสีของไข่มุกเม็ดนี้ ได้จัดว่าเป็นแร่ที่มีสีสวยที่สุดในโลกก็ว่าได้ และแม้ว่าไข่มุกเม็ดนี้จะมีขนาดใหญ่จนไม่สามารถนำมาทำเป็นเครื่องประดับได้ แต่ก็มีคุณค่ากว่าเพชรพลอยเลอค่าเสียอีก สำหรับราคาค่างวดของไข่มุกเม็ดนี้ ขายอยู่ที่ 4,400 ล้านบาท และคาดว่าคงจะมีเศรษฐีซื้อไปอยู่ในครอบครองในไม่ช้านี้แน่นอน

ว้าว! นกฟลามิงโกเรียงตัวกันเป็นรูปตัวเอง

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศต่างพร้อมใจกันเผยแพร่รูปภาพสุดน่ารัก ฝูงนกฟลามิงโกเรียงตัวกันเป็นรูปตัวมันเองได้อย่างเหลือเชื่อ เหนือทะเลสาบในเม็กซิโก สร้างความฮือฮาให้กับผู้ชมเป็นอย่างมาก
โดยภาพฝูงนกฟลามิงโกดังกล่าว เป็นฝีมือการถ่ายภาพของ บ๊อบบี้ แฮส ช่างภาพที่นั่งอยู่บนเฮลิคอปเตอร์ที่กำลังบินอยู่เหนือพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งเขาได้เปิดเผยว่า เขากำลังบินอยู่เหนือทะเลสาบ แล้วจู่ ๆ เมื่อเขามองลงไปเบื้องล่าง ก็พบกับภาพที่เหลือเชื่อ เมื่อฝูงนกฟลามิงโกได้เรียงตัวกันเป็นรูปตัวเอง มันเป็นอะไรที่บังเอิญมาก จึงได้บอกให้นักบินชะลอเฮลิคอปเตอร์เพื่อที่เขาจะได้ถ่ายรูปเจ้านกฟลามิงโกได้อย่างถนัด โดยเขาได้ถ่ายรูปเก็บความประทับใจนี้ไว้กว่า 100 รูปเลยทีเดียว

รองเท้าใหญ่ที่สุดในโลก

เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา กินเนสส์เวิลด์เรคคอร์ด จดบันทึกสถิติใหม่ รองเท้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ให้กับรองเท้าผ้าใบ
คอนเวิร์สออลสตาร์สีแดง จากประเทศเนเธอแลนด์ข้างนี้
โดยรองเท้าข้างดังกล่าว มีขนาดความยาว 5.5 เมตร สูง 2.9 เมตร เป็นรองเท้าเบอร์ 845 ซึ่งแน่นอนว่ามันใหญ่เกินกว่าที่คนจะใส่ได้หลายเท่านัก ขณะที่ไซส์ที่ใหญ่ที่สุดของรองเท้าคอนเวิร์สออลสตาร์ปกติ อยู่ที่เบอร์ 39 เท่านั้น ทั้งนี้ รองเท้าข้างนี้ ได้เป็นหนึ่งใน "ที่สุดในโลก" ที่ได้นำไปจัดแสดงในงานวันกินเนสส์เรคคอร์ดประจำปี 2553 (Guinness World Records Day 2010) ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

วันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

คู่รักที่สูงที่สุดในโลก

เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา กินเนสส์เวิลด์เรคคอร์ด บันทึกสถิติ คู่สามีภรรยาที่สูงที่สุดในโลก ให้กับ เวย์น และ ลอรี่ ฮอลควิสต์ คู่สามีภรรยาจากเมืองสต๊อกตัน แคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ ที่มีความสูงรวมกันเฉลี่ยกว่า 200 เซนติเมตร
โดยเจ้าบ่าว เวย์น วัย 57 ปี มีความสูง 6 ฟุต 10 นิ้ว หรือ 205 เซนติเมตร และเจ้าสาว ลอรี่ วัย 46 ปี มีความสูง 6 ฟุต 195 เซนติเมตร ทั้งคู่ได้เข้าพิธิวิวาห์กันเมื่อ 7 ปีที่แล้วในโบสถ์ในเมืองสต๊อกตัน และใช้ชีวิตด้วยกันมาตลอดแต่ยังไม่มีลูกด้วยกันเลย และด้วยความสูงที่สูงกว่าคนทั่วไป ทำให้คู่สามีภรรยาคู่นี้โดดเด่นและดึงดูดสายตาผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก ทั้งเวลาที่ลอรี่เดินไปคนเดียว และเดินไปกับสามี อีกทั้งเวลานอนก็จะต้องใช้เตียงขนาด 7 ฟุตเท่านั้น ทั้งคู่จึงจะนอนได้
ทั้งนี้ ลอรี่ได้เปิดเผยว่า เธอดีใจมาก ๆ และภูมิใจมากที่ชื่อของตัวเองและสามีได้ถูกบันทึกลงในกินเนสส์บุ๊ค มันเป็นสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยจริง ๆ ขณะที่ปัจจุบันนี้เธอก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และเคยชินกับสายตาของผู้คนตามท้องถนนที่มองมายังเธอและสามีเสียแล้ว

จริงหรือไม่? กีฬาที่เร็วสุด คือ แบดมินตัน

"ลูกขนไก่" มีความเร็วในการพุ่งสูงสุดถึง 332 กิโลเมตร/ชั่วโมง!! เลยทีเดียว เร็วมากเลย
สาเหตุที่ทำให้กีฬาชนิดนี้มีความเร็วที่สุดนั้น เป็นเพราะเมื่อเราใช้ไม้แบดมินตันตบลูกขนไก่แล้ว ตอนที่ส่วนหัวของลูกขนไก่สัมผัสกับเส้นเอ็นไม้แบดมินตันนั้น จะทำให้เกิดความยืดหยุ่นของเส้นเอ็นที่จะส่งผลให้ลูกขนไก่พุ่งออกไปด้วยความเร็วสูง แต่เมื่อลูกขนไก้สัมผัสอากาศแล้วมันจะชะลอความเร็วลงทำให้ตกถึงพื้นช้าลง
ความเร็วสูงสุดในกีฬาประเภทต่างๆ
ลูกขนไก่ 332 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ลูกกอล์ฟ 310 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ลูกปิงปอง 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ลูกเทนนิส 246 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ลูกฮอกกี้น้ำแข็ง 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ลูกเบสบอล (ตี) 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ลูกเบสบอล (ขว้าง) 167 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ลูกฟุตบอล 150 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ลูกวอลเลย์บอล 115 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ตอนแรกพี่ปัดคิดว่าเทนนิส หรือกอล์ฟน่าจะเป็นกีฬาที่มีความเร็วที่สุด แต่เมื่อได้เห็นข้อมูลนี้แล้วทำให้รู้ว่าคิดผิดมาตลอดเลย ถือว่าเป็นความรู้ใหม่ที่ได้เรียนรู้ ซึ่งการออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ

วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ทัชมาฮาล (Taj Mahal) อนุสรณ์สถานแห่งความรัก


ทัชมาฮาล สุสานหินอ่อน ที่ผู้คนเชื่อว่าเป็นสถาปัตยกรรมแห่งความรักที่สวยที่สุดในโลก สร้างขึ้นโดยกษัตริย์อินเดียผู้ทรงมีรักมั่นคงต่อพระมเหสีของพระองค์ ภายหลัง พระนางมุมตัส มาฮาล ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น "อัญมณีแห่งราชวัง" ติดตามพระองค์ไปในสนามรบและคลอดรัชทายาทองค์ที่ 14 ก็เสด็จสวรรคต สร้างความเสียพระทัยให้กับ พระเจ้าชาห์มาฮาน เป็นอย่างยิ่ง
การสูญเสียเท่านี้ยังไม่พอ มีเรื่องเศร้ามากไปกว่านี้อีก เมื่อ พระเจ้าชาห์มาฮาน ทรงถูก พระโอรสโอรังเซบ นำเอาไปขังไว้ที่ Agra Fort และสถาปนาตนขึ้นครองราชย์แทน พระองค์ทรงถูกขังอยู่ถึง 8 ปี จนกระทั่งเสด็จสวรรคต ในแต่ละวัน พระเจ้าชาห์มาฮาน ได้แต่ทอดพระเนตรมาที่ ทัชมาฮาล ซึ่งเป็นหลุมที่ฝังพระศพของพระมเหสีจนสิ้นพระชนม์ ตามเรื่องเล่าบอกว่า วันที่พระมเหสีของ เจ้าชายโอรังเซบ ทรงมีพระประสูติกาล วันนั้นเป็นวันที่พระโอรสทรงหวนระลึกถึงสิ่งที่ได้ทรงกระทำความผิดไว้กับ พระเจ้าชาห์มาฮาน จึงทรงให้ปล่อยพระองค์ออกจากที่คุมขัง แต่ช้าไปเสียแล้ว เพราะพระองค์สิ้นพระชนม์เสียแล้ว ตำนานการสร้าง ทัชมาฮาล ยิ่งฟังยิ่งเศร้า ผู้คนพากันยกย่องให้เป็นอนุสรณ์สถานแห่งความรัก แต่ตอนหลังเริ่มมีการตีความแตกต่างกันออกไปว่า พระเจ้าชาห์มาฮาน ทรงเห็นแก่ตัวเพราะความรักที่มีต่อพระมเหสี เนื่องจากการก่อสร้าง ทัชมาฮาล นั้นเป็นสิ่งที่หรูหราที่สุด สรรหาวัสดุที่มาประดับตกแต่งแต่ละอย่างนั้นต้องเรียกว่าสุดยอดของโลก การก่อสร้างใช้เวลาทั้งหมดกว่า 20 ปี ใช้แรงงานมากมาย หมดเงินมหาศาล สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจให้ประชาชนลำบากยากเข็ญเหลือเกิน บางคนถึงกับสรุปว่าเป็นความรักที่เห็นแก่ตัว ทั้งหมดเกิดจากการตีความของผู้คนรุ่นหลัง หรือคนในยุคปัจจุบันแล้วแต่มุมมอง แม้จะมีการตีความกันไปตามความเห็นที่แตกต่าง แต่ต้องบอกว่าหากใครได้มีโอกาสไปเยือนสถานที่แห่งนี้ พร้อมรู้เรื่องราวความเป็นมาอย่างละเอียด จะมีความรู้สึกที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก เป็นการสัมผัสความยิ่งใหญ่ระหว่างความรักของ พระเจ้าชาห์มาฮาน ที่มีต่อ พระมเหสีมุมตัส ที่สำคัญปัจจุบัน ทัชมาฮาล เป็นเป้าหมายปลายทางที่ผู้คนพากันเดินทางไปชม ปีละนับเป็นล้าน ๆ คน

ทัชมาฮาล ตรงมุมที่ยืนออกไปแล้วเห็นสายน้ำยุมนานั้น บอกเล่าความไม่แน่นอนของชีวิต สายน้ำไหลไปเรื่อย ๆ ซึมซับเรื่องราวที่ผ่านมาจนมาถึง ทัชมาฮาล เซาะซัดซึมซับความรัก ความผูกพันระหว่างใจสองดวงที่มีให้กัน ซึ่งแทบจะมิอาจพบเห็นได้ในยุคปัจจุบัน ครั้นพอเดินถึง Agra Fort ดินแดนที่ พระเจ้าชาห์มาฮาน ทรงถูกขังไว้ชั่วชีวิต แล้วทอดพระเนตรมายังสถานที่ฝังพระศพมเหสีใน ทัชมาฮาล สถานที่แห่งนั้นดูเหมือนยากที่จะเข้าใกล้ แต่ พระเจ้าชาห์มาฮาน ก็ยังทรงประทับยืนทอดพระเนตรมาทุกวันจนสิ้นพระชนม์ แม้จะมีปราการเป็นสิ่งก่อสร้างขวางกั้นไว้ แต่ก็ไม่อาจแยกสายใยแห่งความผูกพันของคนทั้งสองได้ ด้วยเหตุนี้เองฉันจึงให้ฉายาว่า "ทัชมาฮาล รักสร้างโลก" เพราะแม้ใครๆ จะว่าความรักแบบนี้หลงเหลือแต่ในนิยายน้ำเน่าเก่าแก่ไม่ทันสมัยแล้ว แต่ความรักแบบนี้ยังงดงามและตราตรึงใจคนทั่วโลกอยู่เสมอ

เตือนภัย : กินยาพารามากเกินไประวังตับวาย

การใช้ยาพาราเซตามอลอย่างพร่ำเพรื่อและติดต่อกันนานเกินไป อาจก่อให้เกิดปัญหาภาวะเป็นพิษต่อตับได้นะคะ พี่เหมี่ยวเคยอ่านพบว่านะคะว่าในสหรัฐอเมริกาสาเหตุของอาการตับวายนั้นอันดับหนึ่งคือมาจากการใช้ยาพาราเซตามอลเกินขนาด รองลงมาก็มาจากสาเหตุของการดื่มแอกอฮอล์ หรือไวรัสตับอักเสบ นอกจากนี้การใช้พาราเซตามอลเป็นประจำจะทำให้เกิดความเสี่ยงเป็นมะเร็งไตเพิ่มขึ้นเท่าตัว
ดังนั้นไม่ควรใช้ยาพาราเซตามอลติดต่อกันเกิน 3 วัน เราสามารถใช้ยาทางเลือกแทนการใช้ยาพาราเซตามอลได้ เช่น ยาเขียวแก้ไข้ ยาจันทลีลา ยาฟ้าทะลายโจร ยาขมชนิดต่างๆ ล้วนมีฤทธิ์ลดไข้ได้เช่นกัน

วันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

วิธีบำรุงผิวด้วยแตงโม


วิธีทำ คือ เฉือนเนื้อแตงโม ให้เป็นชิ้นบาง ๆ พอประมาณ โดยคัดเฉพาะที่เป็นเนื้อในสุด อย่านำเนื้อแตงโมที่อยู่ใกล้ชิดกับเปลือก เนื่องจากเนื้อส่วนนี้จะมีความเข้มข้นของกรดอยู่พอประมาณ และมีความแข็งไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ เมื่อได้ชิ้นแตงโมที่ฝานบางๆ แล้ว นำมาวางไว้บนผ้าขาวบางที่เตรียมไว้ จากนั้นนำมาวางปิดลงบนใบหน้าให้ทั่ว ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด

สิ่งที่ได้จากการบำรุงผิวหน้าด้วยแตงโม คือ ความเย็นของแตงโมช่วยผ่อนคลายผิวด้านนอกให้สดชื่น สารสีแดงจากแตงโม ที่เรียกว่า ไลโคปีน ที่มีแอนตี้ออกซิเดนท์ นอกจากช่วยในการบำรุงหัวใจ รวมถึงมะเร็งแล้ว ยังสามารถดูดซับความมันบนใบหน้าได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ ยังอุดมไปด้วยโพแทสเซียม ที่จะช่วยควบคุมระบบการไหลเวียนของโลหิตในบริเวณผิวหน้าให้เป็นปกติ ช่วยให้รูขุมขนมีความยืดหยุ่น ชุ่มชื่น อีกทั้งในน้ำแตงโม มีโมเลกุลของน้ำตาลอยู่พอประมาณ รวมทั้งกรดอะมิโนอีกเล็กน้อย ช่วยในการบำรุงผิวได้เป็นอย่างดี

วันพฤหัสบดีที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เมนูสบายคลายเครียด


ของกินมหัศจรรย์ทั้ง 5 ชนิดนี้ นอกจากจะทำให้คุณผู้หญิงอิ่มท้องแล้ว ยังช่วยลดความเครียดได้อีกด้วย

1. อัลมอนด์ ถั่วเปลือกแข็งที่อุดมไปด้วยกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย มีทั้งไฟเบอร์ โปรตีนจากพืช วิตามินบี วิตามินอี และโอเมก้า-3 หากรับประทานเป็นประจำวันละ 1 กำมือ ร่างกายจะได้รับวิตามินอีในปริมาณที่เพียงพอ แล้วคุณสาว ๆ รู้หรือไม่ว่า "วิตามินอี" มีส่วนสำคัญที่ช่วยรับมือกับความเครียด ความตื่นเต้น และความกังวลได้อย่างดีทีเดียว

2. ข้าวกล้องงอก มีสารอาหารที่เรียกว่า "กาบา" ซึ่งมีผลต่อระบบประสาทในสมองส่วนกลาง และบริเวณประสาทตา ช่วยให้อารมณ์ผ่อนคลาย ลดความเครียด ลดความกังวล และทำให้จิตใจสงบ ที่สำคัญยังมีส่วนช่วยเผาผลาญไขมันในร่างกายให้กับสาว ๆ อีกด้วย

3. กล้วย มีสารชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า "ทริปโตแฟน" เป็นกรดอะมิโนที่ช่วยกระตุ้นการผลิตเซโรโทนิน ซึ่งจะส่งผ่านระบบประสาทช่วยให้ร่างกายรู้สึกสงบผ่อนคลายมากขึ้น แถมยังช่วยขจัดอาการซึมเศร้า ความวิตกกังวล และโรคนอนไม่หลับได้ด้วย นอกจากนี้ กล้วยยังเป็นแหล่งสะสมของ "วิตามินบี 6" ที่มีส่วนช่วยควบคุมอารมณ์ และป้องกันอารมณ์หงุดหงิดในช่วงมีประจำเดือนของผู้หญิง

4. ส้ม ผลไม้ที่ช่วยคลายความเครียด และปรับระดับความดันเลือดที่พุ่งสูงขึ้น เนื่องจากความโกรธให้เป็นปกติ เพราะเวลาที่ร่างกายเกิดภาวะเครียดจะผลิตสารชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า "สารอนุมูลอิสระ" ออกมามากเป็นพิเศษ ซึ่งมีผลโดยตรงกับคุณสาว ๆ คือ ทำให้หน้าตาเหี่ยวย่น และแก่เร็ว ฉะนั้นเมื่อรู้ตัวว่าเริ่มโกรธ โมโห เครียด ให้รีบหยิบส้มมากินโดยด่วน เพื่อปรับภาวะทางอารมณ์ให้เป็นปกติ

5. ชาเขียว เครื่องดื่มสารพัดประโยชน์ ทั้งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล มีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยชะลอความแก่ มีฤทธิ์ทำลายสารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง รวมถึงช่วยทำให้จิตใจสงบ รู้สึกผ่อนคลายได้ในเวลาอันรวดเร็ว เนื่องจากในชาเขียวมีสารอาหารสำคัญที่ชื่อว่า "แอล-ธีแอนิน" ทำให้ร่างกายมีสมาธิ และนอนหลับสบายมากขึ้น

สถิติใหม่! รถไฟจีนวิ่งเร็วที่สุดในโลก 416.6 กม./ชม.


ทางการจีนได้ทดสอบวิ่งรถไฟความเร็วสูงรุ่น CRH380A จากนครเซี่ยงไฮ้ไปหังโจว และ ได้สร้างสถิติใหม่เป็นรถไฟที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก ด้วยความเร็ว 416.6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งนี้ รถไฟขบวนนี้ได้ถูกออกแบบให้วิ่งอยู่ที่ความเร็วเฉลี่ย 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยจะวิ่งระหว่างนครเซี่ยงไฮ้ถึงหังโจว ในระยะทาง 202 กิโลเมตร ซึ่งปกติจะใช้ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง แต่รถไฟความเร็วสูงขบวนใหม่นี้ จะช่วยลดระยะเวลาการเดินทางให้เหลือเพียง 40 นาทีเท่านั้น โดยทางการจีนคาดว่าจะมีผู้โดยสารใช้บริการราวปีละ 80 ล้านคน
โดยนายเหอ หัวหวู่ หัวหน้าวิศวกรของกระทรวงรถไฟ กล่าวว่า ประเทศจีนมีเส้นทางรถไฟสำหรับรถไฟความเร็วสูงเป็นระยะทาง 7,055 กิโลเมตร ซึ่งถือเป็นเส้นทางรถไฟที่ยาวที่สุด และเร็วที่สุดในโลก รวมทั้งยังครอบคลุมเทคโนโลยีมากที่สุด โดยทางการตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำโครงสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงระดับโลกให้ได้ และมีเป้าหมายว่า ภายในปี พ.ศ.2555 จะสร้างเส้นทางรถไฟเชื่อมต่อให้ได้ถึง 110,000 กิโลเมตร และใช้สำหรับเป็นเส้นทางรถไฟความเร็วสูง 13,000 กิโลเมตร

วันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

แทงโก้ (Tango)

คำว่า “Tango” มาจากภาษาลาตินว่า “Tangere” ซึ่งหมายถึง การสัมผัสแทงโก้เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 1850-1880 ในเมือง Buenos Aires ของประเทศอาร์เจนติน่า จากนั้นจึงค่อยๆ แผ่ขยายวงกว้างไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกในช่วงแรก แทงโก้ เป็นประเพณีการเต้นเฉลิมฉลองของผู้ที่เป็นทาส (Slave) ซึ่งการเต้นแทงโก้ในแบบดั้งเดิมนั้น คือ การสร้างความบันเทิงอย่างหนึ่งของชาวเมืองบัวโนสไอเรส ในประเทศอาร์เจนติน่าจากนั้นชนชั้นกรรมาชีพในอาร์เจนติน่าที่อพยพเดินทางไปขายแรงงานในแถบประเทศยุโรป ก็ได้นำศิลปะการเต้นแทงโก้นี้ไปแพร่หลายในแถบยุโรปด้วย เช่น ประเทศอิตาลี สเปน ฝรั่งเศส แต่ได้รับความนิยมในประเทศเดียว คือ ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส จากนั้นจึงแพร่หลายไปยัง ลอนดอน เบอร์ลิน และอีกหลายเมืองหลวงชั้นนำในทวีปยุโรปแต่เนื่องจากแทงโก้เป็นการเต้นที่มีการถูกเนื้อต้องตัวเป็นอย่างมาก และส่อไปในทิศทางถึงเรื่องเพศสัมพันธ์ ดังนั้นในช่วงปี 1907 แทงโก้จึงไม่เป็นที่ยอมรับในลอนดอน และมีผู้คนจำนวนมากออกมาคัดค้าน จากนั้นภายหลังจึงมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปบ้าง จึงทำให้การเต้นแทงโก้ ค่อยๆ กลับมาเป็นที่ยอมรับกันมากขึ้นอีกครั้งในปี 1912โดยเฉพาะในช่วงปลายปี 1913 นอกจากแทงโก้จะได้รับความนิยมในแถบยุโรปแล้ว ศิลปะการเต้นสัญชาติอาร์เจนติน่าในนาม แทงโก้ ยังได้รับความนิยมอย่างมากในมลรัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และ ประเทศฟินเลนด์ ต่อมาในปี 1918 ยังได้มีการแต่งเนื้อร้องในเพลงที่ใช้ประกอบการเต้นแทงโก้เพื่อเพิ่มความเป็นมาตรฐานมากยิ่งขึ้นด้วย จากนั้นในปี 1924 ทางสมาคมครูลีลาศของประเทศอังกฤษ ได้กำหนดรูปแบบและลีลาการเต้นที่แน่นอนตายตัว สำหรับเป็นมาตรฐานที่ใช้ต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน ภายหลังปี 1930 เมื่ออาร์เจนติน่าได้รับอิสรภาพจากสเปน ชาวอาร์เจนติน่าจึงได้งานเฉลิมฉลองด้วยการจัดงานเต้นแทงโก้ จนทำให้การเต้นแทงโก้กลายเป็นสัญลักษณ์และเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของชาวอาร์เจนติน่า ซึ่งปัจจุบันนี้การเต้นแทงโก้ยังเป็นที่สนใจในหมู่ชนชั้นสูง และยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง

Y2K คืออะไร

คำตอบสั้นๆคือคำย่อของ Year 2000 ซึ่งหมายถึงปี ค.ศ. 2000 โดย Y ย่อมาจากคำว่า Year K เป็นหน่วยในการวัดค่าต่างๆ ในระบบเมตริก มีค่าเท่ากับ 1000 2K จึงมีค่า 2x1000 เท่ากับ 2000 ดังนั้น Y2K ก็คือ Year 2000 นั่นเอง
ปัญหา Y2K คืออะไร ปัญหา Y2K คือปัญหาซึ่งจะเกิดขึ้นกับระบบคอมพิวเตอร์และเครื่องมือทุกชนิดที่มี ส่วนควบคุมเป็น Micro Chip ซึ่งมีการทำงานต่างๆขึ้นกับวันและเวลาในตัว Micro Chip ที่เราเรียกว่า Real Time Clock (RTC) หากอุปกรณ์ใดก็ตามที่ไม่ได้ใช้วันและเวลาในตัว Micro Chip ในการทำงานหรือใช้เฉพาะเวลาเพียงอย่างเดียวจะไม่ได้รับผลกระทบจาก ปัญหา Y2K เลย
ปัญหา ค.ศ. 2000 นอกจากจะเรียกว่า Y2K Bug แล้วยังมีชื่ออื่นอีก เช่น Millennium Bug เป็นต้น

วันจันทร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ศิลปะจากซูชิที่ใหญ่ที่สุดในโลก


เมื่อวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา กินเนสส์เวิลด์เรคคอร์ดบันทึกสถิติศิลปะจากซูชิที่ใหญ่ที่สุดในโลก ให้กับศิลปะซูชิที่ถูกเรียงเป็นรูปหัวใจ ซึ่งได้จัดแสงในงานเซี่ยงไฮ้เอ็กซ์โป ประเทศจีน เมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา ในซุ้มของประเทศนอร์เวย์ ที่จัดทำซูชิมากมายมาเรียงกัน เพื่อฉลองการนำเข้าแซลมอนจากนอร์เวย์เข้ามาในจีนเป็นลำดับที่ 10 ล้านแล้ว
โดยศิลปะจากซูชินี้ ได้นำซูชิจำนวนกว่า 8,374 มาเรียงเป็นวงกลมโมเสคที่ด้านในเป็นรูปหัวใจสีส้มสวยงาม กินพื้นที่ 20.13 ตารางเมตร ซึ่งซูชิแต่ละชิ้นล้วนแล้วแต่ทำมาจากอาหารทะเลที่นำเข้าจากนอร์เวย์ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปลาแซลมอน ปลาคอด ปลาทู และกุ้ง โดยใช้แซลมอนจากนอร์เวย์ถึง 65 กิโลกรัม และข้าว 120 กิโลกรัม ใช้เวลาสร้างสรรค์ไปทั้งหมด 6 ชั่วโมง 45 นาที ไม่รวมเวลาเตรียมงาน
ทั้งนี้ ประเทศจีนได้นำเข้าแซลมอนจากประเทศนอร์เวย์เพื่อใช้ทำเป็นซูชิ หรือซาชิมิ ซึ่งค่อนข้างจะเป็นอาหารที่นิยมไม่น้อยในประเทศจีน ซึ่งขณะที่ผลงานชิ้นดังกล่าวถูกจัดเรียงเรียบร้อยแล้ว ได้มีชาวจีนจำนวนไม่น้อยที่มามุงดูความอลังการของซูชิตรงหน้า พร้อมกับบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ซูชิมากมายเหล่านี้สีสันน่ากินและมีรูปแบบที่หลากหลายที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาเลยทีเดียว

วันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ตะลึง! มนุษย์ปากกว้างที่สุดในโลก


เมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา กินเนสส์เวิลด์เรคคอร์ดได้บันทึกสถิติ สุดอึ้ง มนุษย์ที่ปากกว้างที่สุดในโลก ให้กับ ฟรานซิสโก โดมิโก โจเคียม หนุ่มวัย 20 ปีจากเมืองแซมบิแซงก้า ประเทศแองโกล่า ด้วยความกว้างของปากที่กว้างผิดมนุษย์มนา สร้างความตกตะลึงให้กับบรรดาผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก โดยปากของหนุ่มฟรานซิลโก เมื่ออ้าปากแล้วจะมีขนาดกว้างถึง 6 นิ้วครึ่ง สามารถมองเห็นฟันทุกซี่ ลิ้นไก่ และกระพุ้งแก้มได้อย่างเต็ม ๆ ตา และสามารถอมกระป๋องโซดาเข้าไปได้ทั้งกระป๋อง ยิ่งไปกว่านั้น เขายังสามารถอมแล้วคายมันออกมาได้ถึง 14 ครั้งต่อนาที และด้วยความแปลกประหลาดผิดมนุษย์มนาดังกล่าว ทำให้เขาได้รับการติดต่อจากรายการโทรทัศน์ประเทศอิตาลี ให้ไปโชว์ความแปลกประหลาดนี้ให้ชาวอิตาลีดูกันอย่างเต็ม ๆ ตา และได้รับการจดบันทึกในกินเนสส์บุ๊ค ปี 2011 ให้เป็นมนุษย์ปากกว้างที่สุดในโลก ซึ่งเขาก็ภูมิใจกับตำแหน่งนี้มาก เพราะในที่สุดฝันของเขาเป็นจริงแล้ว

วันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ร้องเพลง ช่วยลดอาการจิตหมกมุ่นได้


การร้องเพลงนั้นจะช่วยให้ สมองที่กำลังทำงานอยู่ในหลายอย่างหลายด้านให้หยุดการถูกครอบงำ และทำให้ความเครียดลดน้อยลงได้

เรือพลังแสงใหญ่สุดในโลก เตรียมออกท่องโลก












แพลนเนต โซลาร์ เรือพลังแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เตรียมตัวเดินทางจากโมนาโก ออกท่องโลกด้วยพลังงานธรรมชาติ เรือ แพลนเนต โซลาร์ เรือพลังแสงอาทิตย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ยาว 31 เมตร กว้าง 15 เมตร หนักราว 60 ตัน เตรียมออกเดินทางจากโมนาโก เพื่อไปท่องโลกด้วยการใช้พลังงานธรรมชาติจากแสงอาทิตย์ ที่ไม่เป็นพิษกับสิ่งแวดล้อม โดย นายอิมโม สโตเฮอร์ นักธุรกิจชาวเยอรมัน และ นายราฟาเอล โดมยาน เจ้าของไอเดียชาวสวิส จะเป็นผู้โดยสารไปกับเรือลำดังกล่าว เพื่อพิสูจน์ว่า เรือของพวกเขาสามารถนำมาใช้ขนส่งได้จริง ทั้งนี้ เรือพลังงานแสงอาทิตย์ แพลนเนต โซลาร์ มีแผงโซล่าร์เซลส์ ติดอยู่บนดาดฟ้าของเรือ ทำให้เรือสามารถเดินทางได้ด้วยพลังงานธรรมชาติอย่างแท้จริง โดยไม่ต้องพึ่งพาน้ำมันหรือเชื้อเพลิงที่ก่อให้เกิดมลภาวะ และแบตเตอรี่ของเรือก็สามารถกักเก็บพลังงานไว้ใช้ในการเดินทางได้เป็นเวลา 3 วัน จึงค่อยชาร์จพลังงานเข้าไปอีกครั้ง

วันอังคารที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2553

7 อาหารต้านหวัดที่หากินได้ง่ายจริง ๆ

อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยก็ดูเหมือนว่าคนใกล้ตัวจะเป็นหวัดกันมากขึ้น อย่ารอให้วัวหายแล้วล้อมคอก มาป้องกันหวัดกันตั้งแต่ตอนนี้ กับอาหารการกินกันเถอะ
1.โยเกิร์ต ไม่ว่าจะกินเปล่า ๆ หรือกินคู่กับซีเรียล และผลไม้ โยเกิร์ตก็เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตนับล้าน ที่ปกป้องร่างกายจากแบคทีเรียอันตรายและเชื้อโรคต่าง ๆ ที่จะเข้ามาทำร้ายเรา พวกมันเหมือนกองทหารที่อยู่ในลำไส้ คอยขับไล่สิ่งแปลกปลอมที่คิดร้าย โดยกองทหารพวกนี้ มีชื่อคุ้นหูว่า "โปรไบโอติกส์" ทั้งแล็กโตบาซิลลัส และไบไฟโดแบคทีเรียม ซึ่งจะไปเพิ่มเม็ดเลือดขาว ในร่างกายและป้องกันเชื้อโรคได้นั่นแหละ
2.บร็อกโคลี่ สีเขียวเข้มสวยกับใบพุ่มใหญ่ ๆ คอยบอกใบ้ว่าบร็อกลี่ดีต่อสุขภาพของเรามาก ๆ บร็อกโคลี่เป็นพืชที่อยู่ในตระกูลผักกาด ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่มากมาย และเป็นแหล่งของวิตามินเอ ซี อี นอกจากนี้ ยังมีสารกลูโคไซโนเลต สังกะสี และซีลีเนียม ช่วยให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานจากเชื้อโรคต่าง ๆ ขอแค่เพียง บร็อกโคลี่วันละหนึ่งถ้วย เราก็ได้วิตามินซี เท่าที่ต้องการในแต่ละวัน ป้องกันเชื้อโรค และอาการอักเสบภายในร่างกายได้
3.ฟักทอง ท่องกันมาตั้งแต่เด็กว่าฟักทองมีวิตามินเอ และวิตามินเอนี่ล่ะที่ช่วยให้เซลล์ แต่ละเซลล์ของเราสื่อสารกันได้อย่างปกติ (จึงช่วยป้องกันมะเร็งด้วย) การกินวิตามินเอเป็นประจำจะทำให้ทางเดินหายใจมีสุขภาพดีอยู่เสมอ ซึ่งเหมาะกับหน้าหวัดเป็นอย่างยิ่ง แต่จุ๊ ๆ อย่าเพิ่งดีใจไป การกินวิตามินเอมากเกินไปไม่ดีเลยนะ มันอาจไปสะสมอยู่ในเซลล์ไขมัน และเมื่อมีมาก ๆ ก็เป็นอันตรายได้ ถ้าใครคิดอยากกินวิตามินเอจากแคปซูล ก็น่าจะลองกินฟักทองดีกว่านะ ปลอดภัยกว่ากันเยอะ

4.พริกหวานสีแดง ถ้าเทียบกันแบบนักมวยกิโลฯ ต่อกิโลฯ พริกหวานสีแดงมีวิตามินซีมากกว่าผักและผลไม้อื่น ๆ ถึงสองเท่า วิตามินซี เป็นที่รู้จักดีในฐานะวิตามิน เพื่อดูแลผิวพรรณ ดังนั้น เมื่อผิวพรรณแข็งแรง ก็เท่ากับว่าปราการด่านแรกของร่างกายแข็งแรงไปด้วย นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาวและการสร้างแอนตี้บอดี้ด้วยนะ
5.ขมิ้น ใครนึกไม่ออกว่าจะกินขมิ้นอย่างไรก็ควรจะลองกินแกงกะหรี่สีเหลืองดู และสาเหตุที่ขมิ้นมีสีเหลืองออกทองก็เป็น เพราะสารเคอร์คิวมินซึ่งเป็นโพลิฟีนอลตัวหนึ่งนี่เอง โดยการศึกษาในปี 2008 จาก Biochemical and Biophysical Research Communications ชี้ว่าสารเคอร์คิวมินนี้ช่วยไม่ให้เกิดการอักเสบในร่างกายได้ สำหรับผงขมิ้นแล้ว ถ้าใช้ภายนอกจะมีคุณสมบัติเป็นยาฆ่าเชื้ออีกด้วย...วิเศษสุด ๆ
6.หอยนางรม อย่าเอ็ดไป แต่เขาบอกว่า หอยนางรมคือยาปลุกพลังชั้นดีที่สุดที่มีอยู่ตามธรรมชาติ เพราะสังกะสีที่มีอยู่ในหอย จะช่วยปลุกฮอร์โมนเทสทอสเทอโรนให้แก่ทั้งชายและหญิง หุหุ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ประเด็นอยู่ที่ว่า สังกะสีช่วยปกป้องเราจากหวัดและไข้หวัดใหญ่ได้ต่างหาก มันจะทำให้เม็ดเลือดขาวทำงานได้ดีขึ้น เพื่อตักจับและทำลายสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย แต่ทั้งนี้ FDA เขาก็เตือนมาว่าอย่ากินสังกะสีเกินวันละ 11 มิลลิกรัม ไม่งั้นมันจะเป็นพิษ โดยหอยนางรมตัวปานกลางหนึ่งตัวจะมีสังกะสีมากถึง 12.7 มิลลิกรัม มากกว่าปริมาณที่สาว ๆ ต้องการในหนึ่งวันอีกนะ ดังนั้น 1 วัน 1 ตัว ก็พอแล้วล่ะค่ะ
7.ชา เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ยอดนิยมรองลงมาจากน้ำเปล่า ชาทั่วไปจะมีสารโพลีฟีนอลซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยฆ่าแบคทีเรีย ไวรัส และยับยั้งอาการอักเสบ นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังเชื่อว่าประโยชน์ส่วนหนึ่งของชาอยู่ที่ความอุ่น สำหรับคนที่เป็นหวัดแล้ว เครื่องดื่มหรือน้ำซุปอุ่น ๆ จะให้ความรู้สึกไหลลื่น และการสูดเอาไออุ่น ๆ จากชาเข้าไปก็จะช่วยให้โล่งจมูกได้มาก อย่างไรก็ดี การเติมนมลงไปในชา อาจทำให้ร่างกายของเราดูดซึมสารคาเตชินได้ไม่มากเท่าที่ควร ดังนั้น ถ้าอยากต้านหวัดจริง ๆ ก็ดื่มชาอุ่น ๆ ธรรมดาดีกว่านะ

อุโมงค์ยาวที่สุดในโลก

สำเร็จ! สวิตเซอร์แลนด์ ขุดเจาะอุโมงค์ยาวที่สุดในโลก ลอดใต้เทือกเขาแอลป์ หลังใช้เวลาสร้างนานกว่า 15 ปี
เมื่อวันที่ 16 ต.ค.53 ที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า นายโมริตซ์ เลออึนเบอร์เกอร์ รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม ของสวิตเซอร์แลนด์ ได้ประกาศความสำเร็จในการขุดเจาะอุโมงค์ที่ยาวที่สุดในโลก หลังจากเครื่องขุดเจาะขนาดยักษ์ทะลวงกำแพงหินชั้นสุดท้ายจนอุโมงค์สามารถทะลุถึงกันได้ ท่ามกลางความยินดีของคนงานและสื่อมวลชนที่ร่วมมาเป็นสักขีพยานจำนวนมาก สำหรับอุโมงค์ดังกล่าว ถูกขุดเจาะลึกจากพื้นดินถึง 2,000 เมตร ลอดใต้เทือกเขาแอลป์ บริเวณหมู่บ้านเซดรัน ใช้คนงานก่อสร้างราว 2,500 คน เป็นเวลานาน 15 ปี ระยะทางยาว 57 กิโลเมตร ซึ่งอุโมงค์ดังกล่าวนี้จะถูกใช้เป็นเส้นทางรถไฟใต้ดินความเร็วสูง เชื่อมต่อระหว่างยุโรปเหนือและยุโรปตะวันออกเฉียงใต้
คาดเปิดให้บริการปี พ.ศ.2560

วันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2553

October 15 hands on the world.

Date Hand World (Global Hand Washing Day) falls on October 15 of each year is being held for the first time in 2008 at the City of Stockholm, Sweden by the General Assembly or the UN at the same time have been assigned to the year 2008 are In keeping with the international health. To stimulate the world realize the importance. Of hand washing with soap that Will help prevent the disease. As well as to create a culture Wash your hands clean and hygienic throughout the world.

The results showed that washing even easier, but most people to not do well and that can reduce the chance infection different to almost 50% by UNICEF indicate that each year the children age. Less than 5 years die from diarrhea to nearly 2 million people from pneumonia and another approximately 2 million people with water and soap to wash hands correctly. Will help reduce deaths from diarrhea by up to 50% from pneumonia and another approximately 25%, so the core of global hand washing day. Need to focus a group of students. Hope is to increase the number of children who have a habit of hand washing with soap more than 70 countries.

In Thailand it Ministry of Health. The importance of hand washing by all. Which can be seen from public relations campaign through various media and activities. Global hand washing day. The first time on 15 October 2009, at Children's Discovery Museum, Chatuchak, which in a campaign to work with young Thais. The importance of proper hand washing methods.

For the hands correctly. Experts indicate that Should be used with soap. Not just use plain water alone. And to rub all over your hands. Well below the hand for at least 20 seconds more than is necessary, the hands must be brought in after the end of major events such as after the toilet. After washing and cleaning babies hands before handling food into the mouth etc.

วันพุธที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สำเร็จแล้ว! ภารกิจช่วยคนงานเหมืองชิลีทั้ง 33 คน



หลังจากคนงานเหมืองชาวชิลี 33 คน ต้องติดอยู่ภายในเหมืองที่ลึกลงไปเกือบ 700 เมตร นานกว่า 69 วันแล้ว โดยกองทัพเรือชิลีได้เร่งออกแบบ และจัดสร้างแคปซูลโลหะที่ผลิตขึ้นมาพิเศษ เพื่อจะใช้หย่อนลงไปช่วยนำคนตัวคนงานออกมาทีละคน โดยภารกิจช่วยคนงานเริ่มตั้งแต่เมื่อวันที่
13 ตุลาคม ล่าสุดวันนี้ (14 ตุลาคม) ภารกิจช่วยคนงานเหมืองชิลี ทั้ง 33 คนสำเร็จแล้ว โดยเมื่อเวลา 07.56 น. การช่วยเหลือคนงานคนสุดท้าย คือ นายหลุยส์ อูร์ซัว วัย 54 ปี หัวหน้าคนงาน ที่สมัครใจรับความช่วยเหลือเป็นคนสุดท้ายขึ้นสู่พื้นดินสำเร็จ ทั้งนี้นายหลุยส์ เป็นคนที่เขียนแผนผังบอกจุดที่คนงานติดอยู่ในโลกภายนอกได้รับทราบ อีกทั้งยังได้รับการยกย่องว่า เป็นผู้ที่ให้กำลังใจลูกน้องทั้ง 32 คน ในช่วง 17 วันแรกที่ยังไม่สามารถติดต่อโลกภายนอกได้ ซึ่งหลังจากนายหลุยส์ ฮูร์ซัว ขึ้นมาแล้ว ด้านบนก็ได้มีการร้องเพลงชาติ และเปิดแชมเปญฉลอง ก่อนที่แคปซูลจะลงไปลำเลียงเจ้าหน้าที่แพทย์อีก 2 คนที่อาสาลงไปช่วยเหลือคนงานทั้ง 33 คนเป็นลำดับต่อไป สำหรับภารกิจครั้งนี้เร็วกว่าที่คาดการไว้ ใช้เวลาเพียงแค่ประมาณ 22 ชั่วโมงเท่านั้นเอง และขณะที่เจ้าหน้าที่นำผู้ที่ติดอยู่ในเหมืองเข้ารับการรักษาพยาบาลแล้ว ซึ่งจากการตรวจสุขภาพเบื้องต้นทุกคนสุขภาพดี ยกเว้นคนงานเหมืองที่อายุน้อยที่สุดที่อาจจะยังช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เบากว่าอากาศ แต่ถ้าพลาดถึงกับระเบิด

ก๊าซ เป็นสถานะหนึ่งของสสาร ซึ่งมีของแข็ง ของเหลว ก๊าซ และพลาสม่า คุณสมบัติของก๊าซที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ มองไม่เห็นค่ะ จับต้องก็ไม่ได้ ประหนึ่งเหมือนอากาศ ลอยไปลอยมา น้ำหนักก็เบาๆ คงรู้จักก๊าซกันอยู่เยอะหล่ะ อย่างน้อยๆ ก็ต้องก๊าซที่เราใช้หายใจอย่างก๊าซออกซิเจน พอปล่อยออกมาก็เป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หมุนไปมาอย่างนี้ แต่ว่าก๊าซแม้จะเบาแล้ว ก็ยังมีก๊าซที่เบาที่สุดด้วย แถมคุณสมบัติของก๊าซชนิดนี้ ก็ยังไม่ธรรมดาอีกด้วย!!
ก๊าซที่ว่านั่นก็คือ ก๊าซไฮโดรเจน (Hydrogen) หรือ H2 ค่ะ ถือว่าเป็นก๊าซที่เบาที่สุดในบรรดาก๊าซต่างๆ นอกจากจะเบาที่สุดแล้ว ก็ยังไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และเผาไหม้ได้ดีโดยไม่มีมลพิษหลงเหลือ ตอนนี้เค้าก็เลยนำก๊าซไฮโดรเจนมาพัฒนาใช้เป็นพลังงานทดแทน เช่น รถยนต์ก๊าซไฮโดรเจน เครื่องบินก๊าซไฮโดรเจน ฯลฯ ได้ยินอย่างหลายคนคงอยากเปิดปั๊มไฮโดรเจนกันใช่ไหมล่ะ เผื่ออนาคตจะมีรถที่ใช้พลังงานไฮโดรเจนเยอะขึ้น
รวยแน่ๆ แต่ว่า จะหาก๊าซไฮโดรเจนนี่มาจากที่ไหนล่ะ??
ก๊าซนี้ ก็ทำได้โดยใช้สารละลายกรดไฮโดรคลอริกหยดลงบนแมกนีเซียมจนเกิดฟอง นั่นก็ คือ ก๊าซไฮโดรเจน หรือจะหยดสารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ลงบนอะลูมิเนียมก็ได้เหมือนกัน แต่ต้องระวังนะคะ!!! เพราะว่าก๊าซนี้มีคุณสมบัติเผาไหม้ได้ดี ติดไฟง่าย ถ้าพลาดขึ้นมา เกิดระเบิดเอาได้นะคะ

ภาพเครื่องบินก๊าซไฮโดรเจน Hindenburg ของเยอรมันระเบิดเมื่อปี ค.ศ.1737

ขณะลงจอดที่รัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา

ภัยของน้ำยาบ้วนปาก

การใช้น้ำยาบ้วนปากติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ๆ จะทำให้ไปทำลายเชื้อแบคทีเรียที่ดี ที่อาศัยอยู่ในปากให้ตายไปด้วย อาจนำมาซึ่งเชื้อราในช่องปาก ทำให้ตุ่มรับรสของลิ้นเพี้ยนไป มีสีเคลือบผิวฟันที่เปลี่ยนแปลง หรือทำให้เกิดหินปูนได้ง่าย
ส่วนยาสีฟันที่อ้างว่าว่า สามารถลดแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของกลิ่นปากได้ นั้น ยังไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ยืนยันชัดเจนว่า ยาสีฟันจะมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อในปากได้ ซึ่งประสิทธิภาพของยาสีฟันที่อ้างว่าลดแบคทีเรีย ไม่แตกต่างกับการแปรงฟันด้วยยาสีฟันอะไรก็ได้อย่างถูกวิธี และใช้ไหมขัดฟันในซอกฟันส่วนที่แปรงไปไม่ถึง

กลิ่นปาก เกิดจากเชื้อแบคทีเรียในช่องปากชนิดที่ไม่ใช้ออกซิเจน ผลิตก๊าซในกลุ่มซัลเฟอร์ กลิ่นปากยังเกิดได้จากผู้ป่วยมีโรคอื่น ๆ อยู่ก่อนแล้ว เช่น โรคกรดไหลย้อน หากรักษาโรคเหล่านั้นกลิ่นปากก็จะหายไป รวมทั้งกลิ่นปากจากโรคในช่องปาก เช่น โรคปริทนต์ โรคเหงือก ฟันผุ ฯลฯ

วันพฤหัสบดีที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ออสซี่จัดแข่งวิ่งด้วยรองเท้าส้นสูง

กินเนสส์บุ๊คเรคคอร์ด บันทึกสถิติวิ่งผลัดด้วยรองเท้าส้นสูงเร็วที่สุดในโลก หลังจาก 4 สาวจากแคนเบอร์ร่า ประเทศออสเตรเลีย ได้ทำสถิติวิ่งผลัด 4 คูณ 80 เมตร ด้วยรองเท้าส้นสูงได้ภายในเวลาเพียง 1 นาที 4 วินาที โดยมีกติกาในการแข่งขัน คือ จะแบ่งผู้แข่งขันออกเป็นทีมละ 4 คน ผู้เข้าแข่งขันทุกคนต้องใส่รองเท้าส้นสูง 2 นิ้วขึ้นไปเข้าร่วมการแข่งขัน งานนี้ก็เลยสร้างความลำบากใจและความกดดันให้กับสาว ๆ ไม่น้อย เพราะการวิ่งด้วยรองเท้าส้นสูงนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ หากหกล้มข้อเท้าพลิกขึ้นมาก็อาจไม่คุ้มกันสักเท่าไรนัก แต่เมื่อเริ่มแข่งแล้ว สาว ๆ ทุกคนก็ทำได้อย่างเต็มที่ บางคนก็กลัวหกล้ม แต่บางคนก็วิ่งอย่างไม่คิดชีวิตกันเลยทีเดียว










และสำหรับรางวัลชนะเลิศในเกมนี้ ได้แก่ บริทนีย์ แม็คโกลน, ลอร่า จูลิฟฟ์, แคซีย์ ฮอดจ์ และ เจสสิก้า เพนี่ โดยทั้ง 4 คนได้รับเงินรางวัลรวมกัน 10,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย และนอกจากเงินรางวัลดังกล่าว พวกเธอยังได้เป็นเจ้าของสถิติวิ่งด้วยรองเท้าส้นสูงเร็วที่สุดในโลกไปครองอย่างไม่ทันตั้งตัวอีกด้วย

ทำไมต้องร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ

















ส่วนเจ็ดย่านน้ำ นั้นก็มีความหมายว่ามากมายดุจเดียวกัน เพราะในทัศนะของคนโบราณเลข ๗ นั้นก็หมายความว่ามาก สังเกตได้จากคนเราจะจัดสิ่งของในหมวดหมู่เดียวกันอย่างมากเราก็จำได้ไม่เกิน ๗ สิ่ง ตัวอย่างเช่น สิ่งมหัศจรรย์ทั้ง ๗ สโนวไวท์กับคนแคระทั้ง ๗ สัปดาห์หนึ่งมี ๗ วัน ดังนั้นถ้ามากกว่า ๗ ก็มักจะจำไม่ได้ ดังนั้นเลข ๗ จึงนับว่ามากแล้วในสมัยโบราณ เจ็ดย่านน้ำ จึงหมายถึง บริเวณที่กว้างและครอบคลุม ๗ ย่านน้ำ
๗ ย่านน้ำในสมัยก่อนมักจะหมายถึง ทะเลแดง ทะเลเมดิเตอเรเนียน ทะเลอาหรับ ทะเลดำ ทะเลอาเดรียติค ทะเลแคสเปียน และมหาสมุทรอินเดีย ดังนั้น เราจึงใช้ ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำด้วยประการนี้ บ้างก็ใช้ ร้อยเอ็ดเจ็ดพระนคร ร้อยเอ็ดเจ็ดคาบสมุทร ก็ได้ พอกล่าวถึง ๗ ย่านน้ำ ก็นึกถึงคำว่า "ชักแม่น้ำทั้ง ๕" ก็จึงสงสัยใครรู้ว่า แม่น้ำทั้ง ๕ นั้นคือ แม่น้ำอะไร ประกอบด้วย แม่น้ำคงคา แม่น้ำอนมา แม่น้ำอจิรวดี แม่น้ำสรภู แม่น้ำมหิ ซึ่งอยู่ที่อินเดียชักแม่น้ำทั้ง ๕ มีความหมายว่า พูดจาหว่านล้อม ไม่พูดตรงๆ อ้อมๆ ก่อนเข้าสู่เป้าหมาย พบการใช้ครั้งแรกในชาดกเรื่องพระเวสสันดรนอกจากนี้ยังมีตัวเลขที่แสดงให้เห็นว่ามากมายอีกหลายตัวเลขเช่นร้อยแปดพันเก้า ร้อยวันพันปี ตัวเลขที่เราคิดว่ามากในสมัยก่อนนั้นก็ไม่เกินพันหลักร้อยพันก็มากแล้วในสมัยก่อน

วันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2553

ครบรอบ 50 ปี มนุษย์หินฟลินสโตน

ครเข้า Google วันนี้ คงจะเห็น Doodle ใหม่สุดน่ารัก เป็นรูปมนุษย์หินฟลินสโตน การ์ตูนในตำนานที่อยู่ในความทรงจำของใครหลาย ๆ คน พอลากเม้าส์เข้าไปดูก็ถึงบางอ้อ เพราะวันนี้เป็นวันครบรอบ 50 ปี การ์ตูนมนุษย์หินฟลินสโตนนั่นเอง และในฐานะที่มนุษย์หินฟลินสโตนเป็นการ์ตูนในดวงใจของคนไทยหลาย ๆ คน กระปุกดอทคอมวันนี้ก็เลยจะขอเอี่ยว หยิบยกเรื่องราวเกี่ยวกับการ์ตูนเรื่องนี้มาฝากกันเสียหน่อย เป็นการร่วมฉลองครบรอบ 50 ปีของการ์ตูนเรื่องนี้กับเค้าด้วยคน
มนุษย์หินฟลินสโตน หรือ The Flintstones เป็นการ์ตูนแนวตลกย้อนยุค ผลงานการสร้างของ ฮันน่า บาร์เบอร่า โปรดักชั่น แห่งสหรัฐอเมริกา ที่เริ่มฉายบนจอทีวีของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2463 เป็นการ์ตูนที่บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของมนุษย์ยุคหิน ที่มีอุปกรณ์เครื่องใช้ในชีวิตประจำวันทำมาจากหิน ไม้ และวัตถุดิบจากธรรมชาติทั้งหมด รวมถึงนำสัตว์มาประยุกต์เป็นอุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วย ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้ดูไม่เหมือนใคร และสื่อให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ในการนำเอาสิ่งต่าง ๆ รอบตัวมาประยุกต์ใช้อย่างน่ารัก ทั้งยังมีมุขตลกมากมายสอดแทรกไว้ในการ์ตูนไปพร้อม ๆ กัน

เรื่องราวความฮาและสร้างสรรค์ของชีวิตมนุษย์ยุคหิน ถ่ายทอดผ่านตัวละครหลัก 4 ตัว ได้แก่
1. เฟรด ฟลินสโตน พระเอกของเรื่องที่ทำงานอยู่ในเหมืองหิน และเป็นหัวหน้าครอบครัวฟลินสโตน คาแรกเตอร์ของเฟรดจะเป็นคนอารมณ์ร้อน ขี้หงุดหงิด แต่ก็รักภรรยาและครอบครัวอย่าบอกใครเลยทีเดียว
2. วิลม่า ฟลินสโตน นางเอกของเรื่องหรือภรรยาของเฟรดนั่นเอง คาแรกเตอร์ของวิลม่า จะเป็นผู้หญิงฉลาดและมีอำนาจเหนือสามี มีหน้าที่ในการจัดการเงินในบ้าน
3. บาร์นีย์ รับเบิ้ล เป็นเพื่อนบ้านของเฟรดที่ไปมาหาสู่กันบ่อย ๆ
4. เบ็ทตี้ รับเบิ้ล ภรรยาของบาร์นีย์ที่มักจะติดสอยห้อยตามสามีไปไหนมาไหนด้วยเสมอ และเธอยังเป็นเพื่อนสนิทสุดซี้ของวิลม่าอีกด้วย
นอกจากตัวละครทั้ง 4 ตัวแล้ว ก็ยังมีตัวละครอีกหลายตัวที่เรียกได้ว่าเป็นสีสันของการ์ตูนเรื่องนี้ เช่น เพบเบิล ฟลินสโตน ลูสาวแสนซนของเฟรดและวิลม่า, เจ้าดีโน่ ไดโนเสาร์แสนรู้แห่งบ้านฟลินสโตนที่เห่าเหมือนสุนัข, ดูซี่ นกโดโด้ที่เฟรดเลี้ยงไว้, เพิร์ล แม่ของวิลม่าที่มักจะทำอะไรเปิ่น ๆ อยู่เสมอ และเอ็ดน่า ฮาร์ดร็อก แม่ของเฟรดอีกหนึ่งสีสันของการ์ตูนเรื่องนี้
มนุษย์หินฟลินสโตน เป็นการ์ตูนซีรีส์ทางทีวีที่ฉายครั้งแรกปี 2463 และกินเวลา 6 ปี โดยได้รับเสียงตอบรับจากชาวอเมริกันเป็นอย่างดี และเป็นที่ชื่นชอบของทั้งเด็กและผู้ใหญ่ และด้วยฟีดแบ็กที่ดีนี้ ทำให้มนุษย์หินฟลินสโตนได้รับการสร้างสรรค์เพิ่มเติมอีกหลายตอนนับตั้งแต่นั้นมา และปรับเปลี่ยนรูปแบบจากการ์ตูนกลายเป็นซิทคอมและภาพยนตร์มาแล้วหลายครั้ง โดยล่าสุด มนุษย์หินฟลินสโตนได้ถูกสร้างในรูปแบบของละครเวที โดยวันเนอร์บราเธอร์สเมื่อปี 2008 ขณะเดียวกันที่มนุษย์หินฟลินสโตนรูปแบบการ์ตูนก็ยังคงนำมาฉายซ้ำอยู่เรื่อย ๆ ในหลายประเทศทั่วโลก และยังคงเป็นการ์ตูนยอดนิยมของเด็ก ๆ ทั่วโลกเช่นกัน

วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2553

Des chevaux.


Chevaux (le scientifique Equus caballus nom ou Equus caballus ferus) est un lait de mammifère, qui a une variété de souches qui sont l'homme être cultivées et utilisées dans le cas de Voyage, le transport, l'armée des loisirs sportifs et peut être utilisé comme nourriture pour les humains. Dans certaines cultures, plus d'un millénaire auparavant. Rôle du cheval a été remplacé par un nouveau véhicule jusqu'au Réduit au seul rôle du sport et des loisirs dans la plupart des cas. Du passé au présent, nous voyons un symbole en collaboration avec le Cowboy.

สถานที่ที่ร้อนอันดับ ที่ 1 (Al Aziziyah )


ร้อนตับแตกกันเลยทีเดียวกับที่ Al Aziziyah อยู่ในประเทศ Libye ร้อนกันถึง 58.0 องศา หรือ 136.4 ฟาเรนไฮต์ ขนาดเมืองไทย 40 ก็ตายกันไปหลายราย ถ้า 58 คงละลายหายไปเลย

อย่าไว้ใจ ไม้จิ้มฟัน!

การใช้ไม้จิ้มฟันอย่างถูกวิธี คือ ใช้ไม้จิ้มฟันเขี่ยเศษอาหารจากเหงือกไปตามซี่ฟัน ไม่ควรทิ่มเข้าไปในซอกฟัน หรือทิ่มจากด้านหน้าฟันทะลุไปถึงหลังฟัน
แต่คงมีหลายคนที่ใช้ไม้จิ้มฟันผิดวิธี คือใช้ไม้จิ้มฟัน ทิ่มเข้าไปในซอกฟัน เพราะความเรียวเล็กที่ปลายและค่อยๆ ใหญ่ขึ้นถึงโคน เมื่อทิ่ม เลยเข้าไปในซอกฟันมากๆ เข้า ขนาดของไม้จิ้มฟันก็จะไปเบียดให้ยอดเหงือกถูกกดต่ำลง เมื่อใช้บ่อยๆ เข้ายอดเหงือกที่เคย แหลมปิดซอกฟันก็จะถูกเบียดให้ต่ำลง และทำให้ยิ่งมีช่องว่างที่ใหญ่ขึ้นส่งผลให้เศษอาหารยิ่งเข้าไปติดง่ายขึ้น อีกทั้งเมื่อเกิด ช่องว่างระหว่างฟันทำให้ขาดความสวยงามด้วย
นอกจากนี้เรื่องความสะอาดของไม้จิ้มฟันก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้อย่างเด็ดขาด ไม้จิ้มฟันตามร้านอาหารชั้นนำอาจมีรูปแบบการบรรจุแยกชิ้น ซึ่งก็จะมีความสะอาดในระดับหนึ่ง แต่ไม้จิ้มฟันที่เรา เห็นกันอยู่ตามร้านอาหารทั่วไปมักใส่กล่องไว้เฉยๆ บางร้านมีฝาปิด บางร้านไม่มี ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่มีโอกาสปนเปื้อนเชื้อโรค และ ฝุ่นละอองได้ทั้งสิ้น ถ้าเราใช้ไม้จิ้มฟันอย่างไม่ระวัง โอกาสที่จะทำให้มีการติดเชื้อก็เป็นไปได้ง่ายโดยเฉพาะคนที่เป็นโรคเหงือก อักเสบอยู่แล้ว บางคนมีความเคยชินที่จะต้องใช้ไม้จิ้มฟันหลังอาหารทั้งๆที่ไม่มีเศษอาหารติด ฟัน คือขอเพียงแค่เอาไม้จิ้มฟันไป กัดไว้เล่นๆ ซึ่งก็เป็นการเพิ่มโอกาสที่จะนำเชื้อโรคเข้าสู่ช่องปากของเราโดยไม่จำเป็น

วิธีการทำความสะอาดซอกฟันที่ทันตแพทย์แนะนำให้ใช้ ได้แก่ การใช้ไหมขัดฟัน (Dental Floss) ไหมขัดฟันเป็นใย ไนลอนที่ใช้ทำความสะอาดซอกฟันและสามารถขจัดคราบอาหารหรือเศษอาหารชิ้นโตๆได้ เป็นอย่างดี รวมทั้งไม่เป็นอันตรายต่อ เหงือกและไม่ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างฟัน แต่ข้อจำกัดของการใช้ไหมขัดฟันคือการใช้เวลาค่อนข้างมากในการทำความสะอาด ซอกฟันให้ครบทุกซี่

วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2553

ทำไมดอกไม้จึงมีกลิ่นหอม



เหตุที่ดอกไม้มีกลิ่นหอมนั้นก็เพราะในกลีบดอกไม้มีน้ำมันชนิดหนึ่ง เรียกว่า น้ำมันระเหยง่าย (essential oils) น้ำมันระเหยง่ายนี้ประกอบด้วยสารเคมีหลายชนิด ดอกไม้แต่ละชนิดมีจำนวนโมเลกุลและชนิดสารเคมีในน้ำมันดังกล่าวต่างกัน จึงมีกลิ่นหอมไม่เหมือนกัน น้ำมันระเหยง่ายนี้ผลิตไปพร้อม ๆ กับการเจริญเติบโตของพืช น้ำมันระเหยง่ายไม่ได้มีแต่ในดอกไม้เท่านั้น เรายังอาจพบได้ตามส่วนอื่นของพืช เช่น ใบ เปลือก ราก เมล็ด น้ำมันระเหยง่ายนี้เองที่สามารถสกัดมาทำเป็นน้ำหอมได้

ฮอตดอกที่ยาวที่สุดในโลก



บริษัท เบริ์กส แพ็กกิ้ง ได้สร้างสถิติผลิตฮอตดอกยาวที่สุดในโลกขึ้น มีความยาว 15 ฟุต 3 นิ้ว หรือประมาณ 4.6 เมตร

Pretty face with a pumpkin



Pumpkin fruits are rich in vitamin E and Now. Will be used to mask how well some Recipe pumpkin face mask for dry skin girl. Then stir the cooked pumpkin mixed with a little water. Finished mixed with olive oil. Bring disposable face mask for about 20 minutes then rinse with warm water. Will help add moisture and smooth the skin in.. Pumpkin face mask recipe for oily skin young. Then stir the cooked pumpkin mixed with a little water. Then mixed with olive oil. To leave the mask for 20 minutes then rinse with cold water. Or use the egg whites into the mashed pumpkin. Stir to homogeneous and leave it for 10 minutes then rinse with cold water. With the use of fresh pumpkin, cut into pieces and then put on your face every day. Will help in the matter of acne is quite good in.. Pumpkin face mask recipes for people with aging issues. The mixing pumpkin with egg yolk. Mixed with honey to be homogeneous. Then wait for the meat to a warm pumpkin mask for 15-20 minutes then rinse with cold water. In addition to the mask and then come. Pumpkin can also be made to apply cream to face each day with With steamed mashed pumpkin. Mixed with boiled milk and then mix a little water. Then add coconut oil to be done homogeneously First lap put the bottle and refrigerate. Apply to your face every morning to shower for 15 minutes prior to face pretty clear also.