วันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2553

ครบรอบ 50 ปี มนุษย์หินฟลินสโตน

ครเข้า Google วันนี้ คงจะเห็น Doodle ใหม่สุดน่ารัก เป็นรูปมนุษย์หินฟลินสโตน การ์ตูนในตำนานที่อยู่ในความทรงจำของใครหลาย ๆ คน พอลากเม้าส์เข้าไปดูก็ถึงบางอ้อ เพราะวันนี้เป็นวันครบรอบ 50 ปี การ์ตูนมนุษย์หินฟลินสโตนนั่นเอง และในฐานะที่มนุษย์หินฟลินสโตนเป็นการ์ตูนในดวงใจของคนไทยหลาย ๆ คน กระปุกดอทคอมวันนี้ก็เลยจะขอเอี่ยว หยิบยกเรื่องราวเกี่ยวกับการ์ตูนเรื่องนี้มาฝากกันเสียหน่อย เป็นการร่วมฉลองครบรอบ 50 ปีของการ์ตูนเรื่องนี้กับเค้าด้วยคน
มนุษย์หินฟลินสโตน หรือ The Flintstones เป็นการ์ตูนแนวตลกย้อนยุค ผลงานการสร้างของ ฮันน่า บาร์เบอร่า โปรดักชั่น แห่งสหรัฐอเมริกา ที่เริ่มฉายบนจอทีวีของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2463 เป็นการ์ตูนที่บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของมนุษย์ยุคหิน ที่มีอุปกรณ์เครื่องใช้ในชีวิตประจำวันทำมาจากหิน ไม้ และวัตถุดิบจากธรรมชาติทั้งหมด รวมถึงนำสัตว์มาประยุกต์เป็นอุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วย ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้ดูไม่เหมือนใคร และสื่อให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ในการนำเอาสิ่งต่าง ๆ รอบตัวมาประยุกต์ใช้อย่างน่ารัก ทั้งยังมีมุขตลกมากมายสอดแทรกไว้ในการ์ตูนไปพร้อม ๆ กัน

เรื่องราวความฮาและสร้างสรรค์ของชีวิตมนุษย์ยุคหิน ถ่ายทอดผ่านตัวละครหลัก 4 ตัว ได้แก่
1. เฟรด ฟลินสโตน พระเอกของเรื่องที่ทำงานอยู่ในเหมืองหิน และเป็นหัวหน้าครอบครัวฟลินสโตน คาแรกเตอร์ของเฟรดจะเป็นคนอารมณ์ร้อน ขี้หงุดหงิด แต่ก็รักภรรยาและครอบครัวอย่าบอกใครเลยทีเดียว
2. วิลม่า ฟลินสโตน นางเอกของเรื่องหรือภรรยาของเฟรดนั่นเอง คาแรกเตอร์ของวิลม่า จะเป็นผู้หญิงฉลาดและมีอำนาจเหนือสามี มีหน้าที่ในการจัดการเงินในบ้าน
3. บาร์นีย์ รับเบิ้ล เป็นเพื่อนบ้านของเฟรดที่ไปมาหาสู่กันบ่อย ๆ
4. เบ็ทตี้ รับเบิ้ล ภรรยาของบาร์นีย์ที่มักจะติดสอยห้อยตามสามีไปไหนมาไหนด้วยเสมอ และเธอยังเป็นเพื่อนสนิทสุดซี้ของวิลม่าอีกด้วย
นอกจากตัวละครทั้ง 4 ตัวแล้ว ก็ยังมีตัวละครอีกหลายตัวที่เรียกได้ว่าเป็นสีสันของการ์ตูนเรื่องนี้ เช่น เพบเบิล ฟลินสโตน ลูสาวแสนซนของเฟรดและวิลม่า, เจ้าดีโน่ ไดโนเสาร์แสนรู้แห่งบ้านฟลินสโตนที่เห่าเหมือนสุนัข, ดูซี่ นกโดโด้ที่เฟรดเลี้ยงไว้, เพิร์ล แม่ของวิลม่าที่มักจะทำอะไรเปิ่น ๆ อยู่เสมอ และเอ็ดน่า ฮาร์ดร็อก แม่ของเฟรดอีกหนึ่งสีสันของการ์ตูนเรื่องนี้
มนุษย์หินฟลินสโตน เป็นการ์ตูนซีรีส์ทางทีวีที่ฉายครั้งแรกปี 2463 และกินเวลา 6 ปี โดยได้รับเสียงตอบรับจากชาวอเมริกันเป็นอย่างดี และเป็นที่ชื่นชอบของทั้งเด็กและผู้ใหญ่ และด้วยฟีดแบ็กที่ดีนี้ ทำให้มนุษย์หินฟลินสโตนได้รับการสร้างสรรค์เพิ่มเติมอีกหลายตอนนับตั้งแต่นั้นมา และปรับเปลี่ยนรูปแบบจากการ์ตูนกลายเป็นซิทคอมและภาพยนตร์มาแล้วหลายครั้ง โดยล่าสุด มนุษย์หินฟลินสโตนได้ถูกสร้างในรูปแบบของละครเวที โดยวันเนอร์บราเธอร์สเมื่อปี 2008 ขณะเดียวกันที่มนุษย์หินฟลินสโตนรูปแบบการ์ตูนก็ยังคงนำมาฉายซ้ำอยู่เรื่อย ๆ ในหลายประเทศทั่วโลก และยังคงเป็นการ์ตูนยอดนิยมของเด็ก ๆ ทั่วโลกเช่นกัน

วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2553

Des chevaux.


Chevaux (le scientifique Equus caballus nom ou Equus caballus ferus) est un lait de mammifère, qui a une variété de souches qui sont l'homme être cultivées et utilisées dans le cas de Voyage, le transport, l'armée des loisirs sportifs et peut être utilisé comme nourriture pour les humains. Dans certaines cultures, plus d'un millénaire auparavant. Rôle du cheval a été remplacé par un nouveau véhicule jusqu'au Réduit au seul rôle du sport et des loisirs dans la plupart des cas. Du passé au présent, nous voyons un symbole en collaboration avec le Cowboy.

สถานที่ที่ร้อนอันดับ ที่ 1 (Al Aziziyah )


ร้อนตับแตกกันเลยทีเดียวกับที่ Al Aziziyah อยู่ในประเทศ Libye ร้อนกันถึง 58.0 องศา หรือ 136.4 ฟาเรนไฮต์ ขนาดเมืองไทย 40 ก็ตายกันไปหลายราย ถ้า 58 คงละลายหายไปเลย

อย่าไว้ใจ ไม้จิ้มฟัน!

การใช้ไม้จิ้มฟันอย่างถูกวิธี คือ ใช้ไม้จิ้มฟันเขี่ยเศษอาหารจากเหงือกไปตามซี่ฟัน ไม่ควรทิ่มเข้าไปในซอกฟัน หรือทิ่มจากด้านหน้าฟันทะลุไปถึงหลังฟัน
แต่คงมีหลายคนที่ใช้ไม้จิ้มฟันผิดวิธี คือใช้ไม้จิ้มฟัน ทิ่มเข้าไปในซอกฟัน เพราะความเรียวเล็กที่ปลายและค่อยๆ ใหญ่ขึ้นถึงโคน เมื่อทิ่ม เลยเข้าไปในซอกฟันมากๆ เข้า ขนาดของไม้จิ้มฟันก็จะไปเบียดให้ยอดเหงือกถูกกดต่ำลง เมื่อใช้บ่อยๆ เข้ายอดเหงือกที่เคย แหลมปิดซอกฟันก็จะถูกเบียดให้ต่ำลง และทำให้ยิ่งมีช่องว่างที่ใหญ่ขึ้นส่งผลให้เศษอาหารยิ่งเข้าไปติดง่ายขึ้น อีกทั้งเมื่อเกิด ช่องว่างระหว่างฟันทำให้ขาดความสวยงามด้วย
นอกจากนี้เรื่องความสะอาดของไม้จิ้มฟันก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้อย่างเด็ดขาด ไม้จิ้มฟันตามร้านอาหารชั้นนำอาจมีรูปแบบการบรรจุแยกชิ้น ซึ่งก็จะมีความสะอาดในระดับหนึ่ง แต่ไม้จิ้มฟันที่เรา เห็นกันอยู่ตามร้านอาหารทั่วไปมักใส่กล่องไว้เฉยๆ บางร้านมีฝาปิด บางร้านไม่มี ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่มีโอกาสปนเปื้อนเชื้อโรค และ ฝุ่นละอองได้ทั้งสิ้น ถ้าเราใช้ไม้จิ้มฟันอย่างไม่ระวัง โอกาสที่จะทำให้มีการติดเชื้อก็เป็นไปได้ง่ายโดยเฉพาะคนที่เป็นโรคเหงือก อักเสบอยู่แล้ว บางคนมีความเคยชินที่จะต้องใช้ไม้จิ้มฟันหลังอาหารทั้งๆที่ไม่มีเศษอาหารติด ฟัน คือขอเพียงแค่เอาไม้จิ้มฟันไป กัดไว้เล่นๆ ซึ่งก็เป็นการเพิ่มโอกาสที่จะนำเชื้อโรคเข้าสู่ช่องปากของเราโดยไม่จำเป็น

วิธีการทำความสะอาดซอกฟันที่ทันตแพทย์แนะนำให้ใช้ ได้แก่ การใช้ไหมขัดฟัน (Dental Floss) ไหมขัดฟันเป็นใย ไนลอนที่ใช้ทำความสะอาดซอกฟันและสามารถขจัดคราบอาหารหรือเศษอาหารชิ้นโตๆได้ เป็นอย่างดี รวมทั้งไม่เป็นอันตรายต่อ เหงือกและไม่ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างฟัน แต่ข้อจำกัดของการใช้ไหมขัดฟันคือการใช้เวลาค่อนข้างมากในการทำความสะอาด ซอกฟันให้ครบทุกซี่

วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2553

ทำไมดอกไม้จึงมีกลิ่นหอม



เหตุที่ดอกไม้มีกลิ่นหอมนั้นก็เพราะในกลีบดอกไม้มีน้ำมันชนิดหนึ่ง เรียกว่า น้ำมันระเหยง่าย (essential oils) น้ำมันระเหยง่ายนี้ประกอบด้วยสารเคมีหลายชนิด ดอกไม้แต่ละชนิดมีจำนวนโมเลกุลและชนิดสารเคมีในน้ำมันดังกล่าวต่างกัน จึงมีกลิ่นหอมไม่เหมือนกัน น้ำมันระเหยง่ายนี้ผลิตไปพร้อม ๆ กับการเจริญเติบโตของพืช น้ำมันระเหยง่ายไม่ได้มีแต่ในดอกไม้เท่านั้น เรายังอาจพบได้ตามส่วนอื่นของพืช เช่น ใบ เปลือก ราก เมล็ด น้ำมันระเหยง่ายนี้เองที่สามารถสกัดมาทำเป็นน้ำหอมได้

ฮอตดอกที่ยาวที่สุดในโลก



บริษัท เบริ์กส แพ็กกิ้ง ได้สร้างสถิติผลิตฮอตดอกยาวที่สุดในโลกขึ้น มีความยาว 15 ฟุต 3 นิ้ว หรือประมาณ 4.6 เมตร

Pretty face with a pumpkin



Pumpkin fruits are rich in vitamin E and Now. Will be used to mask how well some Recipe pumpkin face mask for dry skin girl. Then stir the cooked pumpkin mixed with a little water. Finished mixed with olive oil. Bring disposable face mask for about 20 minutes then rinse with warm water. Will help add moisture and smooth the skin in.. Pumpkin face mask recipe for oily skin young. Then stir the cooked pumpkin mixed with a little water. Then mixed with olive oil. To leave the mask for 20 minutes then rinse with cold water. Or use the egg whites into the mashed pumpkin. Stir to homogeneous and leave it for 10 minutes then rinse with cold water. With the use of fresh pumpkin, cut into pieces and then put on your face every day. Will help in the matter of acne is quite good in.. Pumpkin face mask recipes for people with aging issues. The mixing pumpkin with egg yolk. Mixed with honey to be homogeneous. Then wait for the meat to a warm pumpkin mask for 15-20 minutes then rinse with cold water. In addition to the mask and then come. Pumpkin can also be made to apply cream to face each day with With steamed mashed pumpkin. Mixed with boiled milk and then mix a little water. Then add coconut oil to be done homogeneously First lap put the bottle and refrigerate. Apply to your face every morning to shower for 15 minutes prior to face pretty clear also.

วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2553

มันฝรั่งช่วยให้อารมณ์ดีได้ ^__^

การรับประทานมันฝรั่งทอดสามารถช่วยให้มีอารมณ์ดี จิตใจสงบนิ่ง เพิ่มความร่าเริงแจ่มใสให้กับชีวิต ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าคาร์โบไฮเดรทที่มีในมันฝรั่ง รวมทั้งรสชาติและกลิ่น คือปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดการพัฒนาทางด้านจิตใจ เมื่อรับประทานเข้าไปจึงทำให้รู้สึกมีความสุข

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแอสตัน (Aston University) ในเมืองเบอร์มิงแฮม (Birmingham) ศึกษาโดยการให้ผู้ชายและผู้หญิงจำนวน 60 คน ชมภาพยนตร์เกี่ยวกับการวางระเบิดในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ต่อจากนั้นให้ผู้ทดสอบจำนวนครึ่งหนึ่งอ่านนิตยสาร เพื่อดึงอารมณ์ออกจากภาวะความเครียด ในขณะที่ผู้ทดสอบอีกครึ่งหนึ่งรับประทานมันฝรั่งทอดคนละหนึ่งจาน

โดยนักวิจัยจะให้ผู้ทดสอบทุกคนทำแบบสอบถามก่อน และหลังจากการชมภาพยนตร์ และทำแบบทดสอบอีกครั้งหลังจากอ่านนิตยสาร และรับประทานมันฝรั่งทอด เพื่อสำรวจภาวะทางอารมณ์

ดร.ไมค์ กรีน (Dr Mike Green ) นักวิจัย กล่าวว่า ผลการทดสอบภาวะทางอารมณ์ของผู้ทดสอบจำนวน 60 คนแสดงเห็นว่า การรับประทานมันฝรั่งทอดจะช่วยให้เกิดความแจ่มใสทางอารมณ์ และดึงจิตใจให้ออกจากภาวะเครียดได้รวดเร็วขึ้น นอกจากนี้นักวิจัยยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ความสัมพันธ์ดังกล่าวอาจเกิดสารอาหารที่มีในมันฝรั่ง และทำปฏิกิริยากับสารเคมีในสมอง จึงทำให้ผู้รับประทานมีภาวะทางอารมณ์ที่ดีขึ้น

วันเสาร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2553

10 วิธีที่ทะเลช่วยในเรื่องสุขภาพกาย-ใจคุณได้


ยามหน้าร้อน เหล่าดาราดังล้วนชอบใช้เวลาไปกับการพักผ่อนริมชายทะเล ธรรมชาติอันทรงอำนาจนี้ ไม่เพียงแต่จะให้ความรื่นรมย์และเพลิดเพลิน แต่ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ช่วยในการเยียวยาและรักษาสุขภาพ และนี่คือสิ่งดี ๆ ที่ทะเลและการใช้เวลาบนหาดทรายในยามหน้าร้อนสามารถให้เราได้

1.แสงแดด ให้คุณประโยชน์หลายอย่างต่อสุขภาพ ที่รู้จักกันดีก็คือเป็นแหล่งสำคัญของวิตามินดี ซึ่งช่วยสร้างความแข็งแรงให้กระดูกและฟัน ซึ่งเราจะได้รับวิตามินดีจากอาหารเพียงบางส่วนเท่านั้น ส่วนที่เหลือต้องมาจากแสงแดด นอกจากนี้ สิ่งที่หลายคนอาจยังไม่ค่อยรู้ก็คือ แสงแดดยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรงขึ้น การศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นว่า การได้รับแสงอาทิตย์ช่วยเพิ่มจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นปราการด่านแรกของร่างกายในการป้องกันการติดเชื้อ และการต่อสู้กับโรค วิตามินดียังมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มจำนวนออกซิเจนในเลือด ซึ่งผลที่ได้รับก็คือทำให้ระดับพลังงานเพิ่มขึ้น ร่างกายจึงสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้น แสงแดดยังมีผลต่อการลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด เนื่องจากร่างกายต้องการแสงอัลตร้าไวโอเล็ต ในแสงแดดเพื่อย่อยสลายคอเลสเตอรอล รวมทั้งยังมีการศึกษาวิจัยที่บอกว่า ทั้งคอเลสเตอรอล และวิตามินดีเกิดขึ้นมาจากสารเคมีตัวเดียวกันในร่างกาย ที่เรียกว่า Squalene ซึ่งพบในผิวหนัง ซึ่งเมื่อได้รับแสงแดดเจ้าสารเคมีตัวนี้จะกลายเป็นวิตามินดี แต่ถ้าไม่ได้รับแสงแดด มันจะกลายเป็นคอเลสเตอรอลแทน เช่นเดียวกับระดับความดันโลหิต ตามทฤษฎีระบุว่าหากไม่ได้รับวิตามินดีมากพอ ร่างกายจะเพิ่มระดับของฮอร์โมนพาราธัยรอยด์ ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้แคลเซียมเล็ดลอดออกจากกระดูก แต่ยังทำให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นด้วย แสงแดดยังกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนเชโรโทนินซึ่งควบคุมการนอนหลับ อุณหภูมิร่างกาย ความต้องการทางเพศ และทำให้อารมณ์ดีขึ้น ดังนั้น ให้ร่างกายได้อาบแสงแดดอุ่น ๆ ยามเช้า (ก่อน 9 โมงเช้า) หรือยามเย็น (หลังสี่โมงเย็น) สัก 10-15 นาที แต่การสัมผัสแสงแดดนอกเหนือเวลานั้น ต้องป้องกันด้วยการทาครีมกันแดด ใส่แว่นตากันแดดใส่เสื้อผ้าที่ปกป้องผิวกายให้มากที่สุด และอยู่ให้ห่างจากพระอาทิตย์ในช่วงที่รังสียูวีแรงที่สุด คือราว 10 โมงเช้าถึงสี่โมงเย็น

2.น้ำทะเล ศาสตร์ในการใช้น้ำทะเลเพื่อเยียวยารักษาสุขภาพมีมากว่า 4,000 ปีแล้ว เรียกกันว่า Thaiassotherapy (มาจากภาษากรีก Thalasso แปลว่าน้ำทะเล และ Therapela แปลว่าการรักษา) เป็นการใช้น้ำทะเลรักษาอาการเจ็บป่วยหลายชนิด เช่น ปวดกล้ามเนื้อหรือโรคข้อ ในสมัยโรมันโบราณก็มีกรสร้างสถานบำบัดรักษาสุขภาพ หรือสปาไว้ใกล้ชายทะเลหลายแห่ง เพื่อนำเอาน้ำทะเลมาใช้ในการรักษาสุขภาพ ในยุคปัจจุบัน แพทย์และนักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษากันอย่างจริงจัง ถึงเหตุที่ทำให้น้ำทะเลมีประโยชน์ต่อการรักษาสุขภาพ และพบว่าน้ำทะเลอุดมไปด้วยแร่ธาตุ และวิตามินมากมายที่ร่างกายต้องการ และปัจจุบันการเยียวยาสุขภาพในแบบที่เรียกว่า Thalassotherapy มีให้บริการมากมายในสปาในยุโรป แต่สปา Thalassotherapy ที่ดีต้องอยู่ริมทะเล เพื่อได้ใช้ประโยชน์จากน้ำทะเลอย่างเต็มที่ สำหรับการรับประโยชน์จากน้ำทะเลโดยไม่ต้องเข้าสปาราคาแพง เพียงแค่แช่ตัวในน้ำทะเลก็ช่วยปรับสภาพผิวให้ดีขึ้นได้ เนื่องจากน้ำทะเลเป็นแอสตริงเจนต์ตามธรรมชาติ ช่วยสมานผิว บรรเทาอาการผิวหนังอักเสบ และทำให้แผลหายเร็ว การศึกษาวิจัยยังแสดงให้เห็นด้วยว่า เราสามารถได้ประโยชน์อย่างเดียวกัน จากการนำเกลือทะเลมาผสมลงในน้ำอาบที่บ้าน อีกวิธีหนึ่งของการใช้ประโยชน์จากน้ำทะเลในการเยียวยาสุขภาพ ก็คือ การหายใจเอากลิ่นอายของน้ำทะเลเข้าไปในจมูก โดยใช้สองมือประสานกันวักน้ำทะเลขึ้นมาจ่อไว้ใต้จมูก และสูดหายใจเข้าลึก ๆ ซึ่งเชื่อกันว่าจะช่วยทำความสะอาดไซนัส และเปิดเส้นทางลมให้จมูกโล่งสบาย


3.ทราย เป็นสารขัดผิวตามธรรมชาติ มันจึงเป็นเครื่องมือในการทำความสะอาดผิวที่แสนวิเศษ ทำให้ผิวเปียกด้วยน้ำทะเล แล้วถูทรายบนผิวอย่างเบามือให้ทั่วเรือนร่าง คุณยังสามารถนำกลิ่นอาย และความรู้สึกของทะเลมาสร้างความรู้สึกสงบที่บ้านได้ ด้วยการใช้ทรายในการจัดสวนถาดแต่งบ้าน

4.ฟองน้ำ เป็นสัตว์ทะเลที่พบได้ในเขตน้ำอุ่น ซากแห้งของมันมีคุณสมบัติพิเศษในการอุ้มน้ำได้มาก และชาวกรีกก็ใช้มันในการอาบน้ำและขัดถูร่างกาย ฟองน้ำธรรมชาติจะเป็นสีน้ำตาลหรือเทาอ่อน ๆ และมีรูปร่างที่ไม่เหมือนกันเลย ฟองน้ำแห้งสามารถนำมาวางใส่ขวดโหลเพื่อตกแต่งห้องหรือห้องน้ำ และเมื่อชุบน้ำอีกครั้ง ก็สามารถใช้ในการทำความสะอาดและขัดผิวได้อย่างแสนวิเศษ

5.ปะการัง ศิลปะแห่งท้องทะเลนี้เป็นแรงบันดาลใจอันใหญ่หลวงสำหรับหลายคน ปะการังที่ถูกซัดขึ้นมาบนชายหาด จึงเป็นของแต่งบ้านแสนสวยที่ให้ความอิ่มเอมทางอารมณ์ นอกจากนี้ หินปะการังยังเป็นหินขัดผิวเท้าชั้นดี ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และทำให้เลือดสูบฉีดและไหลเวียนมายังเท้า

6.สาหร่ายทะเล พืชแห่งท้องทะเลชนิดนี้อุดมด้วยแร่ธาตุและสารอาหารนานาชนิด เช่น กรดอะมิโนและโปรตีน ซึ่งช่วยทำให้การสลายตัวของคอลลาเจนและอิลาสตินช้าลง แคลเซียม ทำให้กระดูกแข็งแรง มีบทบาทสำคัญในการป้องกันการเกิดก้อนเลือด และช่วยให้แผลหายเร็ว ทองแดง เป็นองค์ประกอบของเอนไซม์หลายชนิดที่จำเป็นในการสร้างพลังงาน แมกนีเซียม ช่วยการทำงานของประสาทและกล้ามเนื้อ โพแทสเซียมและโซเดียม นำสารอาหารมาที่ผิว ช่วยขจัดของเสียและสารพิษ และรักษาความสมดุลของน้ำ วิตามินบี 2 และบี 6 มีความสำคัญอย่ามากในการทำงานของผิว สังกะสี เป็นองค์ประกอบของเอนไซม์กว่าร้อยชนิดในร่างกายจำเป็นต่อสุขภาพผิว และการรักษาแผลให้หายเร็ว คุณประโยชน์อันโดดเด่นอย่างหนึ่งของสาหร่ายทะเล ที่ไม่มีพืชใดเหมือนก็คือ มันช่วยขับสารพิษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขจัดรังสีและโลหะหนัก เช่น แคดเมียม ที่ตกค้างอยู่ในร่างกายของเราออกไป รวมถึงสารพิษที่เกิดจากมลภาวะแวดล้อมอื่น ๆ ได้ดี

7.เปลือกหอย การได้ค้นหาและชื่นชมงานสร้างสวรรค์อันแสนวิเศษของธรรมชาตินี้ เป็นการใช้เวลาว่างอันแสนวิเศษของใครหลายคน ทำให้เราหลุดจากความหมกมุ่น และให้จิตใจได้โบยบินไปอย่างอิสระ มันยังเป็นของแต่งบ้านแสนสวย โดยเฉพาะในห้องน้ำ และเปลือกหอยยังใช้เป็นที่วางเทียน หรือธูปหอม เพื่อสร้างกลิ่นอายอันผ่อนคลายในบ้าน และให้บรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ



8.อากาศริมทะเล การหายใจเอาอากาศสดชื่นริมทะเลเข้าไป ช่วยให้เราผ่อนคลายและรู้จักปล่อยวาง กลิ่นเค็มจาง ๆ ที่ปนอยู่ในอากาศทำให้เรารู้สึกรื่นรมย์ และมีชีวิตชีวาแฝงอยู่ที่ไม่อาจพบได้ในที่อื่นใด หายใจเข้าลึก ๆ แล้วความเครียดจะสลายไป และคุณจะหาวิธีรับมือกับความกดดันได้ดีขึ้น

9.การออกกำลัง การเล่นโยคะหรือวิ่งบนชายหาด เป็นวิธีการอันแสนวิเศษในการรักษาสมรรถภาพร่างกาย และได้ประโยชน์จากกิจกรรมกลางแจ้งที่เราทำริมทะเลหน้าร้อน คุณควรออกกำลังตอนเช้าหรือบ่ายคล้อยจวนเย็น ซึ่งแดดไม่จัดเกินไป และควรดื่มน้ำเยอะ ๆ ก่อนและระหว่างการออกกำลัง รวมทั้งหลังการออกกำลัง เพื่อไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ

10.คลายความเครียด แสงอากาศ และคลื่น...ทุกสิ่งที่ริมทะเลล้วนเป็นยาชั้นดีในการผ่อนคลาย ลองใช้ประโยชน์จากสรรพสิ่งต่าง ๆ แห่งท้องทะเลที่แนะนำไว้ข้างต้น มันจะละลายความเครียดและนำคุณกลับสู่ธรรมชาติ ทิ้งแล็ปท็อปและโทรศัพท์มือถือเอาไว้ที่บ้าน และอยู่กับธรรมชาติให้มากที่สุดอย่างน้อยก็ปีละสักครั้งเถอะนะ

เตือนภัย : ใช้มือถือนานระวังอาการ "เสียงดังในหู"


ปัจจุบันนี้การสื่อสารผ่าน “การคุยโทรศัพท์มือถือ” เป็นเสมือนการสื่อสารหลักของผู้คน ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่การสื่อสารผ่านโทรศัพท์มือถือมักจะเป็นทางเลือกแรกๆ ที่ผู้คนเลือกใช้ แน่นอนว่า พฤติกรรมการใช้โทรศัพท์ของแต่ละคนก็จะมีความแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่างๆ บางคนโทรมาก บางคนโทรน้อย บางคนคุยโทรศัพท์มือถือที่ละนานๆ เป็นชั่วโมง …
สิ่งหนึ่งที่ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือต้องทราบไว้ก็คือ ถึงแม้การสื่อสารผ่านช่องทางนี้จะให้ความสะดวกและรวดเร็ว แต่ถ้าหากมีการใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อกันบ่อยๆ เป็นเวลานาน “คุณ” อาจะเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงต่ออาการ “เสียงดังในหู” มากกว่าคนปกติถึงสองเท่า!!!
มีรายงานการวิจัยของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์เวียนนา ซึ่งถูกตีพิมพ์ลงในวารสารออกคิวเปชันนัล แอนด์ เอนไวเรนเมนทัล เมดิซิน โดยผลการวิจัยดังกล่าวได้ชี้ให้เห็นว่า การใช้โทรศัพท์มือถืออย่างน้อย 4 ปี เพิ่มความเสี่ยงอาการเสียงดังในหูถึงสองเท่า รบกวนการนอน การทำงาน และยังกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ใช้โทรศัพท์มือถือด้วย


โดยผู้ที่มีอาการดังกล่าว 1 ใน 7 ต้องทรมานกับอาการที่รักษาไม่หายนี้ในบางช่วงของชีวิต การค้นหาสาเหตุเพิ่มเติมจึงอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้คนนับล้านทีใช้โทรศัพท์มือถือ
ในการวิจัยครั้งนี้นักวิจัยออสเตรเลียได้เปรียบเทียบการใช้โทรศัพท์มือถือของกลุ่มตัวอย่าง 100 คนที่เข้ารับการรักษาอาการเสียงดังในหู กับกลุ่มตัวอย่างอายุเท่ากันอีก 100 คนที่ไม่มีอาการดังกล่าว

ซึ่งผลการวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่าคนที่ใช้โทรศัพท์มือถือก่อนมีอาการเสียงดังในหู มีแนวโน้มมีความผิดปกติดังกล่าวเพิ่มขึ้น 37% ส่วนคนที่ใช้โทรศัพท์มือถือเฉลี่ยวันละ 10 นาที มีแนวโน้มอาการเสียงดังในหูเพิ่มขึ้น 71%

นอกจากนี้ คนที่ใช้โทรศัพท์มือถือมานาน 4 ปีขึ้นไป มีแนวโน้มอาการเสียงดังในหูเพิ่มขึ้นสองเท่าเมื่อเทียบกับกลุ่มเปรียบเทียบ ซึ่งอาการดังกล่าวเกิดจากการแพร่กระจายรังสีของโทรศัพท์มือถืออาจทำลายการทำงานอันละเอียดอ่อนของหูชั้นใน และยังเป็นไปได้ว่าแรงกดที่เกิดจากการกดโทรศัพท์กับหูและไหล่ระหว่างเดิน กระตุ้นให้เกิดอาการเสียงดังในหู ซึ่งอาการดังกล่าวนั้นอาจส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ เช่น รบกวนสมาธิในการทำงาน ทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับได้
ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีผลการวิจัยที่ชี้ชัดถึงวิธีการบำบัดอาการดังกล่าว แต่วิธีป้องกันที่ดีที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดอาการดังกล่าว คือการรักษาระดับความถี่ในการใช้โทรศัพท์มือถือให้มีความพอดี ไม่ควรคุยทีละนานๆ และคุยด้วยระดับเสียงที่ปกติ …

วันพุธที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2553

5 สิ่งมหัศจรรย์ที่ "สิงคโปร์"

1. สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีคนหลากหลายเชื้อชาติมาก หลักๆ ก็คือจีน (มีกว่า 70 เปอร์เซนต์) รองลงมาคือชาวมาเลย์ และชาวอินเดียนั่นเองค่ะ ดังนั้นในสิงคโปร์จึงมีย่านที่เป็นของเชื้อชาตินั่นโดยเฉพาะ ได้แก่ ย่าน China Town ที่เป็นย่านของคนจีนโดยเฉพาะ และย่าน Little India ที่เป็นย่านของคนอินเดีย .... จึงว่ากันว่า ที่สิงคโปร์นั้น หากมีคนเดินมาพร้อมกัน 5 คน ขอให้เชื่อได้เลยค่ะว่าทั้ง 5 คนนั้น เป็นคนละเชื้อชาติแน่นอน
2. พลเมืองแทบจะทุกคนในสิงคโปร์พูดภาษาอังกฤษได้และพูดได้ดีซะด้วย นั่นก็เพราะว่าประเทศสิงคโปร์ประกอบไปด้วยหลายเชื้อชาติ วัฒนธรรมที่นี่จึงเป็นอะไรที่พหุวัฒนธรรมสุดๆ ดังนั้นภาษาที่จะทำให้แต่ละชาติคุยกันรู้เรื่องจึงไม่พ้นภาษาอังกฤษค่ะ (ลองคิดสิว่าคนอินเดียจะไปซื้อของในร้านที่คนจีนขายได้ยังไง ถ้าไม่พูดภาษาอังกฤษ) คนบางคนแม้กระทั่งคนเร่ร่อนจากข้างถนนที่เราไม่คิดว่าเค้าจะพูดภาษาอังกฤษได้ กลับพูดได้ แถมพูดได้ดีซะด้วย
3. ประเทศสิงคโปร์ มีการแบ่งถนนออกเป็นซอยๆ ซอยเลขคู่อยู่ฝั่งนึง เลขคี่อยู่ฝั่งนึง เหมือนบ้านเราเด๊ะ ! แต่คำว่า "ซอย" ที่สิงคโปร์เค้าจะเรียกกันว่า Lor ค่ะ เช่น Lor 1 ก็หมายถึงซอย 1 เนี่ยแหละ ได้บรรยากาศเมืองไทยมากๆ
4. ประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีห้างเยอะมากๆๆ โดยเฉพาะบนถนน Orchard (ออชาร์ด) ถนนสายช้อปปิ้งแค่ถนนเดียว มีห้างสรรพสินค้ารวมกันเกือบ 20 ห้าง ! เช่น ห้างทาคาชิมายะ (ห้างสรรพสินค้าสัญชาติญี่ปุ่น และมีร้านหนังสือคิโนคุนิยะที่ใหญ่มาก) ห้างพารากอน (ชื่อเหมือนห้างบ้านเรา ขายของแบรนด์เนมแบบเดียวกันเด๊ะ) และห้างอะไรต่ออะไรอีกมากมาย เดินได้เป็นสัปดาห์ก็ยังเดินไม่ทั่ว
5. และล่าสุดกับ Marina Bay Sand โรงแรมสุดใหญ่ยักษ์แห่งใหม่ล่าสุดของสิงคโปร์ ที่เพิ่งจะเปิดบริการไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ที่นี่ไม่ใช่แค่โรงแรมธรรมดานะคะ เพราะมีทั้งส่วนช้อปปิ้ง ส่วนของคาสิโน แถมยังมีเรือกอลโดล่าไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ล่องเรือกันขำๆ อีกด้วย (ถ้าใครพอนึกภาพเวเนเชียนที่มาเก๊าหรือลาสเวกัสออก อย่างนั้นเลยค่ะ) แต่จุดเด่นของ Marina Bay Sand คงต้องขอยกให้กับสถาปัตยกรรมการออกแบบ โดยเฉพาะชั้นบนสุดที่ทำเป็นเรือยอร์ช หากมองจากมุมไกลๆ ก็ทำให้รู้สึกเสียวว้าบๆ ได้ว่า เรือมันจะพุ่งออกจากตึกมั้ยนะ

วันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2553

ทายใจคนรักจากเครื่องดื่มที่ชอบ

ชอบดื่มน้ำอัดลม คนที่ชอบดื่มน้ำอัดลมต่าง ๆ เป็นชีวิตจิตใจ ประเภทไปไหนก็ต้องเรียกหาแต่โค้กนั้น เป็นคนที่ทำตามใจตัวเองมาก ไม่ค่อยสนใจใคร ใครจะคิดอย่างไรก็ไม่เคย จะเก็บมาคิด ให้รกสมอง เป็นคนรักอิสระมาก ไม่ชอบอยู่ในกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เป็นคนที่ใส่ใจหาความรู้ต่าง ๆ ใส่ตัว ยิ่งเรื่องที่ต้องใช้สมองไตร่ตรองเยอะ ๆ อย่างศาสนาหรือปรัชญายิ่งชอบใหญ่


ชอบดื่มน้ำหวาน คนที่ชอบดื่มน้ำหวานนั้นเป็นคนรักสันติ ไม่ชอบวีนใคร หลีกเลี่ยงการทะเลาะกับผู้อื่นแบบสุด ๆ เป็นคนที่ชอบมีการงานที่มั่นคง ไม่ชอบความเสี่ยง ไม่เบื่อหน่ายที่จะต้องทำอะไรซ้ำซาก ไม่ชอบวุ่นวายกับคนอื่น แต่เป็นคนที่มองโลกในแง่ดี เอาใจใส่ผู้อื่น รู้จักพอ ไม่ตะเกียกตะกาย ไม่ทะเยอทะยาน คนแบบนี้จึงมีความสุขด้วยวิถีชีวิตที่เรียบง่าย


ชอบดื่มไวน์ เครื่องดื่มที่ต้องใช้ความพิถีพิถัน ความชื่นชมในรสชาติอย่างไวน์นั้น คนที่ชอบดื่มเป็นคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี ชอบเข้าสังคม ชอบพบปะผู้คนใหม่ ๆ เป็นคนที่มีรายละเอียดในชีวิตมาก ชอบสร้างกฎให้ตัวเอง มีระเบียบแบบแผนในชีวิต เป็นคนที่มีความเชื่อในเรื่องลึกลับเป็นคนที่ค่อนข้างหัวเก่า ยังคงยึดถือขนบธรรมเนียมบางอย่างอยู่


ชอบดื่มน้ำชา ชานั้นเป็นเครื่องดื่มที่ผู้รักรสชาติของชาจะรับรู้ได้ถึงความละมุนละไม ผู้ที่ชอบดื่มชา จึงเป็นคนที่มีจิตใจละเอียดอ่อน ชอบใช้ชีวิตอย่างรื่นรมย์ เป็นคนที่ใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ ของชีวิตให้ความสำคัญกับมิตรภาพมาก เป็นคนที่ผู้อื่นอยากอยู่ใกล้ เพราะเข้าอกเข้าใจคน ไม่ชอบการทะเลาะเบาะแว้ง เป็นคนไม่ยอมคน แต่ไม่ชอบทะเลาะกับใคร จึงหาทางแก้ปัญหาต่างๆด้วยหนทางสันติ


ชอบดื่มเบียร์ เครื่องดื่มที่แสนจะแมน และเป็นเครื่องดื่มสุดโปรดของผู้ชายแทบจะทุกคน ถ้าใครโปรดปรานแสดงว่าเป็นคนที่มีชีวิตชีวามากชอบแสวงหา ความบันเทิงเริงใจให้ชีวิต ไม่เก็บเรื่องเล็กๆน้อยๆมาเครียด เป็นคนรักอิสระและรักการผจญภัย เป็นคนค่อนข้างใจร้อน อยากจะทำอะไรต้องทำเลย หรือถ้าอยากจะได้อะไรก็ต้องทำทุกอย่างให้ได้มา ที่ต้องระวังคือทำอะไรลงไปมักไม่ค่อยคิด มักจะมีผลเสียตามมาอยู่เรื่อย


ชอบดื่มกาแฟ คนที่ขาดกาแฟแล้วเหมือนจะขาดใจ มักเป็นคนที่ทำอะไรต้องให้ดีที่สุด เป็นคนที่ชอบความเป็นระเบียบ แถมยังเป็นคนที่ตรงไปตรงมาทำอะไรอย่างจริงจัง จึงทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มความสามารถ ถ้าใครได้เป็นลูกน้องละก็จะเป็นเจ้านายที่โชคดีสุด ๆ ทั้งยังเป็นคนที่คาดหวังในสิ่งต่าง ๆ ไว้สูง และพยายามจะทำสิ่งที่หวังนั้นให้เป็นจริงขึ้นมา


ชอบดื่มเหล้า คนที่ชอบดื่มน้ำเมา ไม่ว่าจะเป็นวิสกี้ บรั่นดี ว้อดก้า เป็นคนที่ใจกว้างรักสนุกชอบความบันเทิง เริงรมย์ทั้งปวง เป็นคนที่การสังสรรค์กับผู้อื่น มีคนรู้จักมากมาย แต่ก็จะเลือกคบเพื่อน จะคบแต่เฉพาะคนที่สนิทใจกันเท่านั้น เป็นคนอ่อนโยน ใส่ใจผู้อื่น มีข้อเสียอยู่นิดเดียว ตรงที่ทำอะไรไม่รอบคอบ ไม่ค่อยใส่ใจในรายละเอียดต่าง ๆ จึงทำให้งานบางอย่าง ที่ทำพลาดอย่างไม่น่าจะพลาดได้


ชอบดื่มสารพัดน้ำ คนที่ไม่ได้ปลื้มเครื่องดื่มชนิดใดเป็นพิเศษนั้น เป็นคนที่ค่อนข้างจะอ่อนไหว เห็นอกเห็นใจผู้อื่นเป็นคนที่ยินดีจะให้ความช่วยเหลือกับเพื่อน โดยไม่ลังเลใจ จึงมีแต่คนรักและอยากอยู่ใกล้ เป็นคนที่ค่อนข้างหลงใหลในสิ่งต่าง ๆ ได้ง่าย เพราะความอ่อนไหวของตัวเอง แต่หลงได้ไม่นานเดี๋ยวก็เบื่อ เป็นคนค่อนข้างเก็บตัว ชอบอยู่บ้าน อยู่ในโลกของตัวเอง ไม่ค่อยชอบออกไปสังสรรค์กับผู้อื่นนัก

10 สุดยอดอาหารที่ควรทานทุกวัน



1. เบอร์รี่ แม้ว่าผลไม้ตระกูลเบอร์รี่จะเคยเป็นผลไม้ที่หาทานได้ยากในบ้านเรา แต่ในสมัยนี้เห็นจะไม่ใช่อย่างนั้นแล้วล่ะค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้เค้ามีขายกันเกลื่อนตามห้างสรรพสินค้า และท้องตลาดบางแห่งด้วยแน่ะ คุณ ๆ รู้ไหมคะว่า ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่นั้น ช่วยในเรื่องของระบบย่อยอาหารได้มากเลยทีเดียว แถมยังมีแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ช่วยให้ผิวอ่อนเยาว์ และที่สำคัญ ยังมีวิตามิน C ที่ช่วยในเรื่องผิวพรรณและหวัดอีกด้วย

2. ไข่ไก่ ไข่ไก่เป็นสุดยอดอาหารที่หาง่ายมาก ๆ แถมยังราคาถูกอีกแน่ะ คุณ ๆ รู้ไหมว่า ไข่ไก่นั้นเป็นแหล่งของโปรตีนคุณภาพสูง ที่ทำให้คุณได้พลังงานแต่ไม่อ้วน แถมมีประโยชน์ในการบำรุงสายตา อ้อ แถมยังมีลูทีนที่จะป้องกันผิวคุณจากการทำลายของแสงแดดอีกด้วย




3. ถั่ว ถั่วเป็นแหล่งของเหล็ก ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยในการส่งผ่านออกซิเจนจากปอดไปยังเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกาย โดยในถั่ว 1 ถ้วย จะให้ธาตุเหล็กประมาณ 16 มิลลิกรัม ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่สูงเลยทีเดียว นอกจากนี้ ถั่วยังมีไฟเบอร์ช่วยให้ร่างกายขับถ่ายได้ง่ายอีกด้วย



4. อัลมอนต์ แม็คคาเดเมีย และมะม่วงหิมพานต์ เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ จากการศึกษาของนักโภชนาการ พบว่า ผู้ที่รับประทานเมล็ดพืชเหล่านี้จะมีอายุยืนกว่าผู้ที่ไม่ได้ทานถึง 2 ปีครึ่งเลยทีเดียว นอกจากนี้ ยังมีโอเมก้า 3 เอแอลเอ ที่จะส่งผลให้อารมณ์ดีขึ้น ที่สำคัญยังช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีด้วย

5. ส้ม เป็นแหล่งวิตามิน C คุณภาพ ที่มีประโยชน์ต่อการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาว และช่วยสร้างภูมิต้านทานโรค รวมทั้งยังมีไฟเบอร์สูง เป็นแหล่งของแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ ที่จะช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากการถูกทำลาย และเสริมสร้างคอลลาเจนในผิว เรียกว่าคุณประโยชน์ครบครันเลยทีเดียว



6. มันเทศ อาหารที่หาได้ง่าย แถมยังให้ประโยชน์มากมายกับสุขภาพอีก มันเทศเป็นแหล่งเบตาแคโรทีนชั้นดีที่ช่วยในการบำรุงสายตา เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และที่หลาย ๆ คนคิดไม่ถึง คือ มันเทศมีสารต้านมะเร็งสูงอีกด้วยค่ะ




7. บร็อคโคลี่ เป็นแหล่งของวิตามินซี เอ และเค เป็นผักที่มีเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยบำรุงสายตา และมีสารไอโซธิโอไซยาเนทส์ (Isothiocyanates) ที่ช่วยต่อต้านมะเร็งปอด รวมถึงมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ นอกจากนี้ วิตามินเคยังเป็นสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกด้วย






8. ชา แม้ว่าชาจะเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่ไม่ได้ให้ผลดีต่อสุขภาพเท่าไหร่ แต่รู้ไหมว่า การดื่มชาในปริมาณที่พอเหมาะ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นอัลไซเมอร์ มะเร็ง และทำให้สุขภาพฟันและกระดูกแข็งแรงขึ้น เพราะในชานั้นมีสารแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ที่เรียกว่า ฟลาโวนอยด์ (flavonoids) ที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีต่อสุขภาพ




9. คะน้า มีสารเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ มะเร็งปอด รวมถึงมีวิตามินที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ สร้างภูมิต้านทานโรคที่ดี นอกจากนี้ยังมีแคลเซียมเสริมสร้างการทำงานของกระดูก



10. โยเกิร์ต อาหารสุขภาพที่หลาย ๆ คนมักจะซื้อไว้ติดบ้าน เอาไว้ทานยามหิว และนั่นเป็นสิ่งที่ดีแล้วค่ะ เพราะในโยเกิร์ตนั้นมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส สังกะสี วิตามินบี 12 และโปรตีน ดังนั้น ถ้าคุณทานโยเกิร์ตให้ได้วันละ 1 ถ้วย จะทำให้สุขภาพคุณดีอย่าบอกใครเลยล่ะ

วันศุกร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2553

9 สุดยอดพิพิธภัณฑ์ของโลก


1. พิพิธภัณฑ์ ซัลวาดอร์ ดาลี่ ในเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก รัฐฟลอริด้า สหรัฐฯ เป็นพิพิธภัณฑ์ทางศิลปะที่จัดแสดงงานของ ซัลวาดอร์ ดาลี่ โดยเฉพาะ โดยผลงานที่เขาสร้างสรรค์แต่ละชิ้น ล้วนแล้วแต่เป็นงานศิลปะที่งดงาม และทำให้ผู้คนประทับใจมาแล้วนับไม่ถ้วน ผลงานที่โด่งดังมากที่สุด ได้แก่ Saint John of the cross และผลงานชุด Crucifixion



2. พิพิธภัณฑ์นานาชาติ แม็กซ์ซี่ กรุงโรม ประเทศอิตาลี พิพิธภัณฑ์ใหม่ที่เพิ่งสร้างแล้วเสร็จไปเมื่อปีที่แล้ว เป็นพื้นที่ที่ใช้จัดแสดงงานศิลปะแห่งศตวรรษที่ 21 พิพิธภัณฑ์นี้เป็นที่เลื่องลือเรื่องการออกแบบเป็นอย่างมาก



3. พิพิธภัณฑ์ Guggenheim นิวยอร์ค สหรัฐฯ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงคอลเลคชั่นของนักเขียนภาพสมัยต่าง ๆ รวมไปถึงเป็นสถานที่แสดงนิทรรศการต่าง ๆ ของชาวอเมริกันอีกด้วย





4. พิพิธภัณฑ์ Centre Pompidou กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในกรุงปารีส จัดแสดงศิลปะร่วมสมัย ภายในพิพิธภัณฑ์เป็นศูนย์รวมความรู้มากมาย เช่น หอศิลป์ ข้อมูลทางศิลปะและดนตรี หอสมุด เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวโลก




5. พิพิธภัณฑ์ศิลปะเดนเวอร์ โคโลราโด สหรัฐฯ เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่จัดแสดงคอลเลคชั่นศิลปะสไตล์อเมริกันอินเดียน ซึ่งมีให้ชมมากกว่า 68,000 ชิ้นจากทั่วโลก



6. พิพิธภัณฑ์ Royal Ontario เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในแคนาดา รวบรวมอารยธรรมของโลกและประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติ ภายในมีการจัดแสดงโครงกระดูกของสัตว์ต่าง ๆ และข้าวของเก่าเก็บจากทั่วโลก



7. พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย Niterói ในริโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลในริโอเดจาเนโร ซึ่งถือว่าเป็นทำเลที่ดี ดึงดูความสนใจของนักท่องเที่ยวได้ดีเลยทีเดียว เนื่องจากนอกจากจะได้ชมศิลปะร่วมสมัยแล้วก็ยังไม่ชมวิวทิวทัศน์โดยรอบอีกด้วย

8. พิพิธภัณฑ์ Palace of Fine Arts ในซานฟรานซิลโก สหรัฐฯ พิพิธภณฑ์ทางศิลปะ ที่ไม่ได้โดดเด่นเพียงแค่ด้านศิลปะเท่านั้น เพราะด้วยที่ตั้งที่อยู่ริมน้ำ ทำให้ Palace of Fine Arts ที่นี่กลายเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการถ่ายรูปมาก ๆ โดยแต่ละปีจะมีคู่บ่าวสาวมาถ่ายรูปแต่งงานเป็นจำนวนมาก

9. พิพิธภัณฑ์ City of Arts and Sciences ที่วาเลนเซีย ประเทศสเปน เป็นพิพิธภัณฑ์ความรู้ทางวัฒนธรรมและวิทยาศาสตร์ ภายในมีโรงภาพยนตร์ไอแม็กซ์สำหรับแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับโลกและสิ่งมีชีวิตบนโลก ที่ทำให้ผู้คนที่มาเยือนประทับใจมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน











กินหมูไม่สุก ระวังโรค streptococcus suis อันตรายถึงชีวิต


สำหรับ โรคสเตรปโตคอคคัส ซูอิส เป็นโรคที่เกิดในสุกร เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Streptococus suis ในสกุล Streptococcus ที่ปกติจะมีอยู่ในสุกรเกือบทุกตัว ซึ่งฝังตัวอยู่ในต่อมทอนซิลของสุกร แต่ไม่ได้ก่อให้เกิดโรค เว้นแต่เมื่อใดที่สุกรมีร่างกายอ่อนแอ เครียด หรือป่วยด้วยโรคที่ไปกดภูมิคุ้มกัน แบคทีเรียตัวนี้ก็จะเพิ่มจำนวน และติดเชื้อในกระแสเลือด (bacteremia) และทำให้หมูป่วยและตายได้ในที่สุดเชื้อ Streptococus suis ติดต่อสู่คนได้อย่างไร

เชื้อ Streptococus suis สามารถเข้าสู่ร่างกายคนได้ 2 ทาง คือ
1. ผ่านทางบาดแผล รอยถลอก เยื่อบุตา จากการสัมผัสสุกรที่เป็นโรค กลุ่มเสี่ยงที่ควรระวังคือ เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร คนทำงานในโรงฆ่าสัตว์ คนชำแหละเนื้อสัตว์ สัตวแพทย์ สัตวบาล
2.จากการบริโภคเนื้อสุกร เครื่องใน หรือเลือดหมูที่ไม่ผ่านการปรุงให้สุก เช่น ลาบ ลู่ ที่นิยมทำจากเนื้อหมูดิบ ๆ หรือหมูกระทะที่ปิ้งย่างไม่สุก อาการของผู้ป่วย

ผู้ป่วยที่รับเชื้อ Streptococus suis เข้าสู่ร่างกายแล้ว ภายใน 3 วัน จะมีไข้ คลื่นเหียน ปวดศีรษะ จนเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดและเข้าไปสู่เยื่อหุ้มสมอง ทำให้เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ข้ออักเสบ ม่านตาอักเสบตามมา และเนื่องจากเยื่อหุ้มสมอง อยู่ใกล้กับปลายประสาทหูชั้นในทั้งสองข้าง เชื้อจึงสามารถลุกลาม และทำให้เกิดหนองบริเวณปลายประสาทรับเสียงและประสาททรงตัว ทำให้หูตึง หูดับ จนหูหนวกร่วมกับอาการเวียนศีรษะและเดินเซตามมาได้ รวมทั้งเกิดอาการ Toxic Shock Syndrome ซึ่งอาการทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นภายใน 14 วัน หลังจากเริ่มมีอาการไข้
นอกจากนี้ ความน่ากลัวของ Streptococus suis ไม่ใช่เพียงแค่ทำให้หูหนวก และสูญเสียการทรงตัวเท่านั้น แต่หากผู้ป่วยเข้ารับการรักษาช้า จะทำให้เชื้อแบคทีเรีย Streptococus suis เข้าไปทำลายเยื่อหุ้มสมอง หรืออาจเกิดติดเชื้อในกระแสโลหิตจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ในที่สุด
การรักษา แพทย์จะจ่ายยาต้านจุลชีพให้ เช่น ฉีดยาเพนนิซิลลินขนาดสูง 18-24 ล้านยูนิตทางหลอดเลือดดำ เป็นเวลานานกว่า 2 สัปดาห์ให้เพื่อฆ่าเชื้อโรค แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยบางคนที่รอดชีวิตมา ยังอาจมีความผิดปกติหลงเหลืออยู่ เช่น ความผิดปกติในการทรงตัว เนื่องจากเชื้อได้เข้าไปทำลายเยื่อหุ้มสมอง หรือหากเชื้อเข้าปลายระบบประสาทตา จะทำให้ม่านตาอักเสบ ลูกตาฝ่อ หรือตาบอดได้ นอกจากนี้ผู้ป่วยบางคนยังอาจเป็นอัมพาตครึ่งซีกได้เช่นกัน การป้องกัน สำหรับในสุกรนั้น ควรเลี้ยงสุกรให้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ไม่แออัด โรงเรือนต้องระบายอากาศได้ดี ป้องกันสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันได้ เพื่อไม่ให้สุกรอ่อนแอ จนเชื้อStreptococus suis เพิ่มจำนวนเข้ามาได้ เนื่องจากสุกรที่รับเชื้อ Streptococus suis เข้ามาแล้วจะไม่แสดงอาการป่วย เราจึงไม่สามารถทราบได้เลยว่า สุกรตัวไหนที่ป่วย

ขณะที่วิธีป้องกันเชื้อ Streptococus suis ในคนที่ต้องทำงานในฟาร์ม หรือสัมผัสสุกร ควรปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักสุขาภิบาล สวมรองเท้าบู้ต หรือ สวมถุงมือระหว่างปฏิบัติงาน จะป้องกันการแพร่เชื้อจากสุกรมาสู่คนได้ แต่สำหรับเรา ๆ การหลีกเลี่ยงบริโภคเนื้อสุกร เครื่องใน รวมทั้งเลือดหมูที่ดิบ หรือสุก ๆ ดิบ ๆ เป็นหนทางป้องกันที่ดีที่สุด เพราะเชื้อ Streptococus suis จะถูกทำลายได้ง่ายด้วยความร้อน ดังนั้นหากต้องการหลีกเลี่ยงเชื้อ Streptococus suis ก็อย่าลืมปรุงอาหารให้สุกก่อนทุกครั้งค่ะ

15 ประโยชน์สุดแจ่มของ ยาสีฟัน ^__^


1. บรรเทาอาการระคายเคืองจากแมลงกัดต่อยหรือแผลพุพอง ทายาสีฟันลงไปบริเวณที่ถูกแมลงกัดต่อยโดยตรง มันจะบรรเทาอาการคันและลดความบวมลงได้ ส่วนแผลพุพองยาสีฟันจะทำให้แผลแห้งและหายเร็วขึ้น โดยควรทาทิ้งไว้ข้ามคืนเพื่อให้ได้ผลดีที่สุด
2. บรรเทาแผลไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก สำหรับแผลเล็กน้อยที่ไม่มีรอยเปิด ยาสีฟันจะให้ความเย็นที่ช่วยบรรเทาอาการได้ โดยต้องทาลงไปทันทีหลังเกิดรอยแผล
3. กำจัดสิว อยากให้สิวหายเร็วขึ้นงั้นหรือ? ลองทายาสีฟันลงบนสิวแล้วทิ้งไว้ข้ามคืน แล้วล้างออกในตอนเช้าสิ สิวจะยุบลงและหายเร็วขึ้น
4. ทำความสะอาดเล็บ ทั้งเล็บและฟันมีส่วนประกอบของกระดูกเหมือนกัน ยาสีฟัน จึงดีกับเล็บเช่นกันเพราะฉะนั้นอย่าลืมใช้แปรงและยาสีฟันขัดเล็บเป็นประจำ เพื่อช่วยให้เล็บสะอาดเป็นเงางาม และแข็งแรงขึ้น
5. ทำให้ผมอยู่ทรง ยาสีฟันแบบเจลมีส่วนผสมของโพลีเมอร์ที่ละลายน้ำ ซึ่งเป็นส่วนผสมแบบเดียวกับที่เจลแต่งผมส่วนใหญ่ใช้ ฉะนั้น ถ้าคุณมองหาอะไรที่จะสร้างสรรค์ผมซึ่งต้องการความอยู่ตัวแบบสุด ๆ แต่เจลแต่งผมเกิดขาดมือ ลองใช้ยาสีฟันแบบเจลแทนก็ได้
6. กำจัดกลิ่นเหม็น ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นกระเทียม หัวหอม ปลา หรืออาหารกลิ่นแรงอื่น ๆ ที่ติดอยู่บนมือ ลองใช้ยาสีฟันถูมือ มันจะช่วยกำจัดกลิ่นพวกนี้ได้
7. กำจัดรอยเปื้อน รอยเปื้อนที่กำจัดยากบนเสื้อผ้าหรือพรม ยาสีฟันสามารถช่วยได้สำหรับเสื้อผ้า ทายาสีฟันลงบนรอยเปื้อนโดยตรงและขยี้เบา ๆ จนกระทั่งรอยเปื้อนหายไป แล้วซักตามปกติ (แต่ควรระวัง ถ้าใช้ยาสีฟันแบบไวเทนนิ่งบนผ้าสีอาจทำให้สีผ้าซีดลงได้) สำหรับรอยเปื้อนบนพรม ทายาสีฟันลงบนรอยเปื้อน ใช้แปรงขัดจนรอยเปื้อนจางลง แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
8. ชุบชีวิตรองเท้าเก่า ทำความสะอาดรองเท้าวิ่งที่สกปรกมอมแมม แต่ซักน้ำไม่ได้ ด้วยการทายาสีฟันลงบนรอยเปื้อนแล้วขัดเบา ๆ จากนั้น เช็ดให้สะอาด
9. กำจัดรอยสีเทียนบนผนัง ใช้ผ้าชุบน้ำพอชื้น ๆ กับยาสีฟันขัดเบา ๆ บนรอยเปื้อน
10. ทำความสะอาดเครื่องประดับเงิน ทายาสีฟันลงบนเครื่องประดับเงิน แล้วทิ้งไว้ข้ามคืน จากนั้นใช้ผ้าสะอาด ๆ เช็ดออกในตอนเช้า ส่วนเครื่องประดับที่เป็นเพชร ก็สามารถใช้แปรงนุ่ม ๆ ยาสีฟันเล็กน้อย และน้ำขัดเบา ๆ ให้แวววาวดังเก่าได้ แต่อย่าใช้กับมุกเพราะจะทำให้เคลือบผิวเสียหายได้
11. กำจัดรอยขีดข่วนบนซีดี ได้ผลดีกับรอยขีดข่วนตื้น ๆ และรอยเปื้อนทั่วไปแค่ทายาสีฟันบาง ๆ ลงบนแผ่นซีดี ถูเบา ๆ แล้วเช็ดด้วยน้ำให้สะอาด
12. ทำความสะอาดคีย์เปียโน น้ำมันบนผิวหนังอาจติดอยู่บนคีย์เปียโน และดึงดูดเอาฝุ่นและความสกปรกมาสะสมไว้ ทำความสะอาดมันด้วยผ้าที่ปราศจากขุยชุบน้ำพอชื้น ๆ แตะยาสีฟันเล็กน้อยจากนั้น เช็ดซ้ำด้วยผ้าสะอาด ๆ อีกผืน
13. กำจัดกลิ่นขวดนมเด็ก ถ้าขวดนมเริ่มมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวของนมบูด ลองใช้ยาสีฟันทำความสะอาดคราบตกค้างและกำจัดกลิ่น แต่ต้องล้างน้ำสะอาดให้หมดจดจริง ๆ ก่อนใช้
14. กำจัดรอยไหม้บนหน้าเตารีด ซิลิก้าในยาสีฟันสามารถช่วยกำจัดคราบดำ ๆ ไหม้ ๆ พวกนั้นได้
15. คืนความใสให้เลนส์ แว่นตาสำหรับว่ายน้ำหรือดำน้ำอาจขุ่นมัวได้เมื่อใช้ไปนาน ๆ ก่อนจะซื้ออันใหม่ลองทายาสีฟันเล็กน้อย ลงบนกระจกแว่น ถูให้ทั่วแล้วล้างให้สะอาด แต่อย่าขัดแรงเกินไป เนื่องจากส่วนผสมที่มีฤทธิ์ในการขัดสีในยาสีฟันอาจทำให้เลนส์เป็นรอยได้

ทานผัก-ผลไม้แก้หิว ลดโรคซึมเศร้า


จากผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน วารสาร British Journal of Psychiatry เมื่อเร็ว ๆ นี้พบว่า ผู้ที่กินของหวาน อาหารประเภททอด เนื้อสัตว์ผ่านการปรุง ธัญพืชขัดขาว และผลิตภัณฑ์ที่อุดมไปด้วยไขมัน จะมีอาการซึมเศร้ามากกว่าผู้ที่จำกัดการกินอาหารประเภทดังกล่าว การศึกษานี้ได้มีการทดลองกับผู้หญิงและผู้ชายจำนวน 3,500คน เพราะฉะนั้น ทางเลือกที่ฉลาดสำหรับผู้ที่ต้องการมีสุขภาพดีก็คือ เลือกกินผักหรือผลไม้ในยามที่หิว แทนอาหารประเภทที่อุดมไปด้วยไขมันต่าง ๆ ข้างต้น

ดร.Tasnime N. Akbaraly ผู้นำทางด้านการศึกษาในเรื่องนี้กล่าวว่า สารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในผักและผลไม้ รวมทั้งกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่อยู่ในปลา มีส่วนช่วยลดอัตราการเสี่ยงของการเป็นโรคซึมเศร้า เช่นเดียวกับโฟเลต วิตามินบีที่พบได้ในผักสีเขียวเข้ม อาทิ ผักโขม ถั่ว และผลไม้จำพวกส้ม หรือมะนาว เหล่านี้ล้วนส่งผลต่อสารสื่อประสาทที่มีผลกระทบต่ออารมณ์ของคนทั้งสิ้น

วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553

เรื่อง...เล็บ เล็บ


>>> เล็บลอก เกิดจากการใช้ผงซักฟอก กาวติดเล็บ หรือน้ำยาล้างเล็บที่มีฤทธิ์แรงติดต่อกันนานเกินไป หรือไม่ก็โดนแดดหรือแช่อยู่ในน้ำนานเกินควรค่ะ วิธีแก้ก็ไม่ยากเลยค่ะ แค่สวมถุงมือยางเวลาที่ต้องทำงานบ้าน ระวังอย่าให้มือสัมผัสกับน้ำร้อน และใช้น้ำยาล้างเล็บแบบที่มีส่วนผสมของน้ำมัน (แทนที่จะเป็นสารทำละลายที่ชื่ออะซิโตน) และควรใช้ครีมทามือนวดบริเวณเล็บ และหนังหุ้มเล็บหลังล้างมือก่อนเข้านอนทุกครั้ง
>>> เล็บฉีก เล็บมีสภาพแห้ง หรือใช้แรงกดในขณะตัดเล็บมากเกินไป นอกจากนี้การกัดเล็บบ่อยๆ ก็มีโอกาสทำให้เล็บฉีกได้ วิธีแก้ก็คือ ให้สาวๆ ใช้ครีมทามือเป็นประจำเพื่อทำให้เล็บชุ่มชื้นอยู่เสมอ ส่วนวิธีจัดการกับหนังหุ้มเล็บที่แห้ง และเผยอออกมานั้น ก็แช่มือในน้ำอุ่นซักพักเพื่อให้หนังหุ้มเล็บนุ่มขึ้น แล้วดันกลับไปให้เข้าที่
>>> เล็บเหลือง คราบนิโคตินจากการสูบบุหรี่ ใช้ยาทาเล็บแบบที่มีสีเข้มโดยไม่ทาน้ำยารองพื้นเล็บก่อน วิธีแก้ก็คือ ให้หยุดสูบบุหรี่ หยุดทาเล็บซักพักนึง และใช้มะนาวกำจัดคราบเหลืองๆ ออกไปด้วยการผ่าครึ่งลูกมะนาว แล้วใช้เล็บแต่ละเล็บเจาะเข้าไปในเนื้อมะนาวแล้วบิดนิ้วไปมา ใช้เวลาซักระยะ อาการเล็บเหลืองก็จะหายไปเอง