วันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2553
ครบรอบ 50 ปี มนุษย์หินฟลินสโตน
วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2553
Des chevaux.
สถานที่ที่ร้อนอันดับ ที่ 1 (Al Aziziyah )
อย่าไว้ใจ ไม้จิ้มฟัน!
แต่คงมีหลายคนที่ใช้ไม้จิ้มฟันผิดวิธี คือใช้ไม้จิ้มฟัน ทิ่มเข้าไปในซอกฟัน เพราะความเรียวเล็กที่ปลายและค่อยๆ ใหญ่ขึ้นถึงโคน เมื่อทิ่ม เลยเข้าไปในซอกฟันมากๆ เข้า ขนาดของไม้จิ้มฟันก็จะไปเบียดให้ยอดเหงือกถูกกดต่ำลง เมื่อใช้บ่อยๆ เข้ายอดเหงือกที่เคย แหลมปิดซอกฟันก็จะถูกเบียดให้ต่ำลง และทำให้ยิ่งมีช่องว่างที่ใหญ่ขึ้นส่งผลให้เศษอาหารยิ่งเข้าไปติดง่ายขึ้น อีกทั้งเมื่อเกิด ช่องว่างระหว่างฟันทำให้ขาดความสวยงามด้วย
นอกจากนี้เรื่องความสะอาดของไม้จิ้มฟันก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้อย่างเด็ดขาด ไม้จิ้มฟันตามร้านอาหารชั้นนำอาจมีรูปแบบการบรรจุแยกชิ้น ซึ่งก็จะมีความสะอาดในระดับหนึ่ง แต่ไม้จิ้มฟันที่เรา เห็นกันอยู่ตามร้านอาหารทั่วไปมักใส่กล่องไว้เฉยๆ บางร้านมีฝาปิด บางร้านไม่มี ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่มีโอกาสปนเปื้อนเชื้อโรค และ ฝุ่นละอองได้ทั้งสิ้น ถ้าเราใช้ไม้จิ้มฟันอย่างไม่ระวัง โอกาสที่จะทำให้มีการติดเชื้อก็เป็นไปได้ง่ายโดยเฉพาะคนที่เป็นโรคเหงือก อักเสบอยู่แล้ว บางคนมีความเคยชินที่จะต้องใช้ไม้จิ้มฟันหลังอาหารทั้งๆที่ไม่มีเศษอาหารติด ฟัน คือขอเพียงแค่เอาไม้จิ้มฟันไป กัดไว้เล่นๆ ซึ่งก็เป็นการเพิ่มโอกาสที่จะนำเชื้อโรคเข้าสู่ช่องปากของเราโดยไม่จำเป็น
วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2553
ทำไมดอกไม้จึงมีกลิ่นหอม
ฮอตดอกที่ยาวที่สุดในโลก
Pretty face with a pumpkin
วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2553
มันฝรั่งช่วยให้อารมณ์ดีได้ ^__^
วันเสาร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2553
10 วิธีที่ทะเลช่วยในเรื่องสุขภาพกาย-ใจคุณได้
ยามหน้าร้อน เหล่าดาราดังล้วนชอบใช้เวลาไปกับการพักผ่อนริมชายทะเล ธรรมชาติอันทรงอำนาจนี้ ไม่เพียงแต่จะให้ความรื่นรมย์และเพลิดเพลิน แต่ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ช่วยในการเยียวยาและรักษาสุขภาพ และนี่คือสิ่งดี ๆ ที่ทะเลและการใช้เวลาบนหาดทรายในยามหน้าร้อนสามารถให้เราได้
1.แสงแดด ให้คุณประโยชน์หลายอย่างต่อสุขภาพ ที่รู้จักกันดีก็คือเป็นแหล่งสำคัญของวิตามินดี ซึ่งช่วยสร้างความแข็งแรงให้กระดูกและฟัน ซึ่งเราจะได้รับวิตามินดีจากอาหารเพียงบางส่วนเท่านั้น ส่วนที่เหลือต้องมาจากแสงแดด นอกจากนี้ สิ่งที่หลายคนอาจยังไม่ค่อยรู้ก็คือ แสงแดดยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรงขึ้น การศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นว่า การได้รับแสงอาทิตย์ช่วยเพิ่มจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นปราการด่านแรกของร่างกายในการป้องกันการติดเชื้อ และการต่อสู้กับโรค วิตามินดียังมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มจำนวนออกซิเจนในเลือด ซึ่งผลที่ได้รับก็คือทำให้ระดับพลังงานเพิ่มขึ้น ร่างกายจึงสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้น แสงแดดยังมีผลต่อการลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด เนื่องจากร่างกายต้องการแสงอัลตร้าไวโอเล็ต ในแสงแดดเพื่อย่อยสลายคอเลสเตอรอล รวมทั้งยังมีการศึกษาวิจัยที่บอกว่า ทั้งคอเลสเตอรอล และวิตามินดีเกิดขึ้นมาจากสารเคมีตัวเดียวกันในร่างกาย ที่เรียกว่า Squalene ซึ่งพบในผิวหนัง ซึ่งเมื่อได้รับแสงแดดเจ้าสารเคมีตัวนี้จะกลายเป็นวิตามินดี แต่ถ้าไม่ได้รับแสงแดด มันจะกลายเป็นคอเลสเตอรอลแทน เช่นเดียวกับระดับความดันโลหิต ตามทฤษฎีระบุว่าหากไม่ได้รับวิตามินดีมากพอ ร่างกายจะเพิ่มระดับของฮอร์โมนพาราธัยรอยด์ ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้แคลเซียมเล็ดลอดออกจากกระดูก แต่ยังทำให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นด้วย แสงแดดยังกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนเชโรโทนินซึ่งควบคุมการนอนหลับ อุณหภูมิร่างกาย ความต้องการทางเพศ และทำให้อารมณ์ดีขึ้น ดังนั้น ให้ร่างกายได้อาบแสงแดดอุ่น ๆ ยามเช้า (ก่อน 9 โมงเช้า) หรือยามเย็น (หลังสี่โมงเย็น) สัก 10-15 นาที แต่การสัมผัสแสงแดดนอกเหนือเวลานั้น ต้องป้องกันด้วยการทาครีมกันแดด ใส่แว่นตากันแดดใส่เสื้อผ้าที่ปกป้องผิวกายให้มากที่สุด และอยู่ให้ห่างจากพระอาทิตย์ในช่วงที่รังสียูวีแรงที่สุด คือราว 10 โมงเช้าถึงสี่โมงเย็น
2.น้ำทะเล ศาสตร์ในการใช้น้ำทะเลเพื่อเยียวยารักษาสุขภาพมีมากว่า 4,000 ปีแล้ว เรียกกันว่า Thaiassotherapy (มาจากภาษากรีก Thalasso แปลว่าน้ำทะเล และ Therapela แปลว่าการรักษา) เป็นการใช้น้ำทะเลรักษาอาการเจ็บป่วยหลายชนิด เช่น ปวดกล้ามเนื้อหรือโรคข้อ ในสมัยโรมันโบราณก็มีกรสร้างสถานบำบัดรักษาสุขภาพ หรือสปาไว้ใกล้ชายทะเลหลายแห่ง เพื่อนำเอาน้ำทะเลมาใช้ในการรักษาสุขภาพ ในยุคปัจจุบัน แพทย์และนักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษากันอย่างจริงจัง ถึงเหตุที่ทำให้น้ำทะเลมีประโยชน์ต่อการรักษาสุขภาพ และพบว่าน้ำทะเลอุดมไปด้วยแร่ธาตุ และวิตามินมากมายที่ร่างกายต้องการ และปัจจุบันการเยียวยาสุขภาพในแบบที่เรียกว่า Thalassotherapy มีให้บริการมากมายในสปาในยุโรป แต่สปา Thalassotherapy ที่ดีต้องอยู่ริมทะเล เพื่อได้ใช้ประโยชน์จากน้ำทะเลอย่างเต็มที่ สำหรับการรับประโยชน์จากน้ำทะเลโดยไม่ต้องเข้าสปาราคาแพง เพียงแค่แช่ตัวในน้ำทะเลก็ช่วยปรับสภาพผิวให้ดีขึ้นได้ เนื่องจากน้ำทะเลเป็นแอสตริงเจนต์ตามธรรมชาติ ช่วยสมานผิว บรรเทาอาการผิวหนังอักเสบ และทำให้แผลหายเร็ว การศึกษาวิจัยยังแสดงให้เห็นด้วยว่า เราสามารถได้ประโยชน์อย่างเดียวกัน จากการนำเกลือทะเลมาผสมลงในน้ำอาบที่บ้าน อีกวิธีหนึ่งของการใช้ประโยชน์จากน้ำทะเลในการเยียวยาสุขภาพ ก็คือ การหายใจเอากลิ่นอายของน้ำทะเลเข้าไปในจมูก โดยใช้สองมือประสานกันวักน้ำทะเลขึ้นมาจ่อไว้ใต้จมูก และสูดหายใจเข้าลึก ๆ ซึ่งเชื่อกันว่าจะช่วยทำความสะอาดไซนัส และเปิดเส้นทางลมให้จมูกโล่งสบาย
3.ทราย เป็นสารขัดผิวตามธรรมชาติ มันจึงเป็นเครื่องมือในการทำความสะอาดผิวที่แสนวิเศษ ทำให้ผิวเปียกด้วยน้ำทะเล แล้วถูทรายบนผิวอย่างเบามือให้ทั่วเรือนร่าง คุณยังสามารถนำกลิ่นอาย และความรู้สึกของทะเลมาสร้างความรู้สึกสงบที่บ้านได้ ด้วยการใช้ทรายในการจัดสวนถาดแต่งบ้าน
4.ฟองน้ำ เป็นสัตว์ทะเลที่พบได้ในเขตน้ำอุ่น ซากแห้งของมันมีคุณสมบัติพิเศษในการอุ้มน้ำได้มาก และชาวกรีกก็ใช้มันในการอาบน้ำและขัดถูร่างกาย ฟองน้ำธรรมชาติจะเป็นสีน้ำตาลหรือเทาอ่อน ๆ และมีรูปร่างที่ไม่เหมือนกันเลย ฟองน้ำแห้งสามารถนำมาวางใส่ขวดโหลเพื่อตกแต่งห้องหรือห้องน้ำ และเมื่อชุบน้ำอีกครั้ง ก็สามารถใช้ในการทำความสะอาดและขัดผิวได้อย่างแสนวิเศษ
5.ปะการัง ศิลปะแห่งท้องทะเลนี้เป็นแรงบันดาลใจอันใหญ่หลวงสำหรับหลายคน ปะการังที่ถูกซัดขึ้นมาบนชายหาด จึงเป็นของแต่งบ้านแสนสวยที่ให้ความอิ่มเอมทางอารมณ์ นอกจากนี้ หินปะการังยังเป็นหินขัดผิวเท้าชั้นดี ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และทำให้เลือดสูบฉีดและไหลเวียนมายังเท้า
6.สาหร่ายทะเล พืชแห่งท้องทะเลชนิดนี้อุดมด้วยแร่ธาตุและสารอาหารนานาชนิด เช่น กรดอะมิโนและโปรตีน ซึ่งช่วยทำให้การสลายตัวของคอลลาเจนและอิลาสตินช้าลง แคลเซียม ทำให้กระดูกแข็งแรง มีบทบาทสำคัญในการป้องกันการเกิดก้อนเลือด และช่วยให้แผลหายเร็ว ทองแดง เป็นองค์ประกอบของเอนไซม์หลายชนิดที่จำเป็นในการสร้างพลังงาน แมกนีเซียม ช่วยการทำงานของประสาทและกล้ามเนื้อ โพแทสเซียมและโซเดียม นำสารอาหารมาที่ผิว ช่วยขจัดของเสียและสารพิษ และรักษาความสมดุลของน้ำ วิตามินบี 2 และบี 6 มีความสำคัญอย่ามากในการทำงานของผิว สังกะสี เป็นองค์ประกอบของเอนไซม์กว่าร้อยชนิดในร่างกายจำเป็นต่อสุขภาพผิว และการรักษาแผลให้หายเร็ว คุณประโยชน์อันโดดเด่นอย่างหนึ่งของสาหร่ายทะเล ที่ไม่มีพืชใดเหมือนก็คือ มันช่วยขับสารพิษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขจัดรังสีและโลหะหนัก เช่น แคดเมียม ที่ตกค้างอยู่ในร่างกายของเราออกไป รวมถึงสารพิษที่เกิดจากมลภาวะแวดล้อมอื่น ๆ ได้ดี
7.เปลือกหอย การได้ค้นหาและชื่นชมงานสร้างสวรรค์อันแสนวิเศษของธรรมชาตินี้ เป็นการใช้เวลาว่างอันแสนวิเศษของใครหลายคน ทำให้เราหลุดจากความหมกมุ่น และให้จิตใจได้โบยบินไปอย่างอิสระ มันยังเป็นของแต่งบ้านแสนสวย โดยเฉพาะในห้องน้ำ และเปลือกหอยยังใช้เป็นที่วางเทียน หรือธูปหอม เพื่อสร้างกลิ่นอายอันผ่อนคลายในบ้าน และให้บรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ
8.อากาศริมทะเล การหายใจเอาอากาศสดชื่นริมทะเลเข้าไป ช่วยให้เราผ่อนคลายและรู้จักปล่อยวาง กลิ่นเค็มจาง ๆ ที่ปนอยู่ในอากาศทำให้เรารู้สึกรื่นรมย์ และมีชีวิตชีวาแฝงอยู่ที่ไม่อาจพบได้ในที่อื่นใด หายใจเข้าลึก ๆ แล้วความเครียดจะสลายไป และคุณจะหาวิธีรับมือกับความกดดันได้ดีขึ้น
9.การออกกำลัง การเล่นโยคะหรือวิ่งบนชายหาด เป็นวิธีการอันแสนวิเศษในการรักษาสมรรถภาพร่างกาย และได้ประโยชน์จากกิจกรรมกลางแจ้งที่เราทำริมทะเลหน้าร้อน คุณควรออกกำลังตอนเช้าหรือบ่ายคล้อยจวนเย็น ซึ่งแดดไม่จัดเกินไป และควรดื่มน้ำเยอะ ๆ ก่อนและระหว่างการออกกำลัง รวมทั้งหลังการออกกำลัง เพื่อไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ
10.คลายความเครียด แสงอากาศ และคลื่น...ทุกสิ่งที่ริมทะเลล้วนเป็นยาชั้นดีในการผ่อนคลาย ลองใช้ประโยชน์จากสรรพสิ่งต่าง ๆ แห่งท้องทะเลที่แนะนำไว้ข้างต้น มันจะละลายความเครียดและนำคุณกลับสู่ธรรมชาติ ทิ้งแล็ปท็อปและโทรศัพท์มือถือเอาไว้ที่บ้าน และอยู่กับธรรมชาติให้มากที่สุดอย่างน้อยก็ปีละสักครั้งเถอะนะ
เตือนภัย : ใช้มือถือนานระวังอาการ "เสียงดังในหู"
สิ่งหนึ่งที่ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือต้องทราบไว้ก็คือ ถึงแม้การสื่อสารผ่านช่องทางนี้จะให้ความสะดวกและรวดเร็ว แต่ถ้าหากมีการใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อกันบ่อยๆ เป็นเวลานาน “คุณ” อาจะเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงต่ออาการ “เสียงดังในหู” มากกว่าคนปกติถึงสองเท่า!!!
มีรายงานการวิจัยของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์เวียนนา ซึ่งถูกตีพิมพ์ลงในวารสารออกคิวเปชันนัล แอนด์ เอนไวเรนเมนทัล เมดิซิน โดยผลการวิจัยดังกล่าวได้ชี้ให้เห็นว่า การใช้โทรศัพท์มือถืออย่างน้อย 4 ปี เพิ่มความเสี่ยงอาการเสียงดังในหูถึงสองเท่า รบกวนการนอน การทำงาน และยังกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ใช้โทรศัพท์มือถือด้วย
ในการวิจัยครั้งนี้นักวิจัยออสเตรเลียได้เปรียบเทียบการใช้โทรศัพท์มือถือของกลุ่มตัวอย่าง 100 คนที่เข้ารับการรักษาอาการเสียงดังในหู กับกลุ่มตัวอย่างอายุเท่ากันอีก 100 คนที่ไม่มีอาการดังกล่าว
ซึ่งผลการวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่าคนที่ใช้โทรศัพท์มือถือก่อนมีอาการเสียงดังในหู มีแนวโน้มมีความผิดปกติดังกล่าวเพิ่มขึ้น 37% ส่วนคนที่ใช้โทรศัพท์มือถือเฉลี่ยวันละ 10 นาที มีแนวโน้มอาการเสียงดังในหูเพิ่มขึ้น 71%
นอกจากนี้ คนที่ใช้โทรศัพท์มือถือมานาน 4 ปีขึ้นไป มีแนวโน้มอาการเสียงดังในหูเพิ่มขึ้นสองเท่าเมื่อเทียบกับกลุ่มเปรียบเทียบ ซึ่งอาการดังกล่าวเกิดจากการแพร่กระจายรังสีของโทรศัพท์มือถืออาจทำลายการทำงานอันละเอียดอ่อนของหูชั้นใน และยังเป็นไปได้ว่าแรงกดที่เกิดจากการกดโทรศัพท์กับหูและไหล่ระหว่างเดิน กระตุ้นให้เกิดอาการเสียงดังในหู ซึ่งอาการดังกล่าวนั้นอาจส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ เช่น รบกวนสมาธิในการทำงาน ทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับได้
ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีผลการวิจัยที่ชี้ชัดถึงวิธีการบำบัดอาการดังกล่าว แต่วิธีป้องกันที่ดีที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดอาการดังกล่าว คือการรักษาระดับความถี่ในการใช้โทรศัพท์มือถือให้มีความพอดี ไม่ควรคุยทีละนานๆ และคุยด้วยระดับเสียงที่ปกติ …
วันพุธที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2553
5 สิ่งมหัศจรรย์ที่ "สิงคโปร์"
วันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2553
ทายใจคนรักจากเครื่องดื่มที่ชอบ
10 สุดยอดอาหารที่ควรทานทุกวัน
5. ส้ม เป็นแหล่งวิตามิน C คุณภาพ ที่มีประโยชน์ต่อการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาว และช่วยสร้างภูมิต้านทานโรค รวมทั้งยังมีไฟเบอร์สูง เป็นแหล่งของแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ ที่จะช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากการถูกทำลาย และเสริมสร้างคอลลาเจนในผิว เรียกว่าคุณประโยชน์ครบครันเลยทีเดียว
วันศุกร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2553
9 สุดยอดพิพิธภัณฑ์ของโลก
กินหมูไม่สุก ระวังโรค streptococcus suis อันตรายถึงชีวิต
15 ประโยชน์สุดแจ่มของ ยาสีฟัน ^__^
ทานผัก-ผลไม้แก้หิว ลดโรคซึมเศร้า
วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553
เรื่อง...เล็บ เล็บ
>>> เล็บฉีก เล็บมีสภาพแห้ง หรือใช้แรงกดในขณะตัดเล็บมากเกินไป นอกจากนี้การกัดเล็บบ่อยๆ ก็มีโอกาสทำให้เล็บฉีกได้ วิธีแก้ก็คือ ให้สาวๆ ใช้ครีมทามือเป็นประจำเพื่อทำให้เล็บชุ่มชื้นอยู่เสมอ ส่วนวิธีจัดการกับหนังหุ้มเล็บที่แห้ง และเผยอออกมานั้น ก็แช่มือในน้ำอุ่นซักพักเพื่อให้หนังหุ้มเล็บนุ่มขึ้น แล้วดันกลับไปให้เข้าที่
>>> เล็บเหลือง คราบนิโคตินจากการสูบบุหรี่ ใช้ยาทาเล็บแบบที่มีสีเข้มโดยไม่ทาน้ำยารองพื้นเล็บก่อน วิธีแก้ก็คือ ให้หยุดสูบบุหรี่ หยุดทาเล็บซักพักนึง และใช้มะนาวกำจัดคราบเหลืองๆ ออกไปด้วยการผ่าครึ่งลูกมะนาว แล้วใช้เล็บแต่ละเล็บเจาะเข้าไปในเนื้อมะนาวแล้วบิดนิ้วไปมา ใช้เวลาซักระยะ อาการเล็บเหลืองก็จะหายไปเอง